ความขยันอัพ blog ไม่ได้ลดลง แต่รู้สึกว่าหลังจากไปแรลลี่มาราธอนที่หัวหินกลับมาแล้วก็ไม่ว่างเอาซะเลย ได้แต่อัพรูปขึ้นไป และแล้ว ก็ต้องเจียดเวลามาอัพ blog ซักหน่อย
หัวหินวันแรก (4 ส.ค. 2550)ทริปนี้ไปกัน 10 คน นัดเจอกันที่หน้าฟอร์จูน จัดการโทรเรียกแท็กซี่ไว้ตั้งแต่คืนวันศุกร์ ให้มารับที่คอนโดตอน 6.30 ตื่นมาตั้งแต่ตีห้าครึ่ง อาบน้ำแต่งตัว ทำข้าวต้มกิน กินยังไม่ทันเสร็จได้ยินเสียโทรศัพท์ขึ้นมาเรียก รีบเก็บของเดินนำหน้าพี่บิ้นไปก่อน เพราะพี่บิ้บลงชั้นใต้ดินไปเอา ipod พอเข้าไปนั่งในรถ ก็บอกคนขับว่ารอแป๊บนะคะ อีกคนยังไม่ลงมา ลืมของ เท่านั้นแหละโดนมันต่อว่าว่าทำไมลงมาช้า ไม่ตรงเวลา โทรนัดก็ต้องตรงเวลาหน่อย มันกะจะให้มานั่งรอมันข้างล่างก่อนมันมาถึงหรืองัยวะ นี่พอโทรเรียกก็รีบเดินลงมาเลยนะเนี่ย รอไม่ถึง 5 นาทีเลยนะนั่น ทำเป็นบ่นให้รมณ์เสียแต่เช้าพอพี่บิ้นลงมามันก็เฉย ไม่เห็นจะว่าพี่บิ้นเลย เห็นเป็นผู้หญิงล่ะสิ เลยกล้าว่าเรา หลังจากออกรถก็นั่งเงียบมาตลอดทาง พอตอนลง เรารีบลงก่อน พี่บิ้นเป็นคนจ่ายเงิน เจอมันกวนตีนทอนมาเป็นเหรียญหมด พี่บิ้นฉุนมาก ก็เลยเล่าให้ฟังมันโมโหพวกเราที่ลงมาช้า ไม่ทันใจมัน
พอลงแท็กซี่ก็เจอปรางเป็นคนแรกเลย หลังจากนั้นก็ทยอยๆ กันมาเรื่อยๆ จนครบก็ออกจากกรุงเทพประมาณเจ็ดโมงนิดๆ ที่หมายแรกของพวกเราก็คือ พระรามราชนิเวศน์ หรือที่เรียกกันว่า พระราชวังบ้านปืน ที่นี่สถาปัตยกรรมสวยแปลกตาดี จำได้เคยมาครั้งนึงประมาณสบกว่าปีได้ ตอนนั้นยังไม่นิยมใช้กล้องดิจิตอลกัน ก็อนุญาตให้ถ่ายรูปได้ทุกที่ทุกมุม แต่มาครั้งนี้กลับห้ามไม่ให้ถ่ายรูปภายในวัง ถ่ายด้านนอกได้ แต่ไม่ให้เราฝากล้องเอาไว้ ให้ถือเข้าไปได้ และไม่ค่อยมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลทุกห้องทุกมุม จะเหลือเหรอ ทุกคนก็อดไม่ไดที่จะควักกล้องขึ้นมาถ่าย แต่ก็ถ่ายแบบเกร็งๆ กลัวๆ กัน ภาพที่ออกมาก็ดำๆ มืดๆ สั่นๆ ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ หลังจากใช้เวลาที่วังนี้กันนานพอสมควร ก็เคลื่อนขบวนต่อไปยังพระราชวังพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน
พระราชวังพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน สีสวย ทำด้วยไม้ทั้งหลัง กินบริเวณกว้าง มีนะเบียงยาวยื่นไปถึงชายหาด เรีกเอาว่า เจ้านายทั้งหลายที่อยู่วังนี้ เดินไปทั่วบริเวณได้โดยไม่ต้องเหยียบพื้นดินกันเลยทีเดียว เดินกันจนเมื่อย ถ่ายรูปกันสนุกสนาน ก็ไปกินข้าวกลางวันต่อกันที่ตลาดหัวหิน ไปถึงตลดาหัวหินก็ปาเข้าไปบ่ายโมงแล้ว จะพากันไปกินข้าวมันไก่เจ้าอร่อย ก็ดันหมดไปซะก่อน จะพาไปกินก๋วยเตี๋ยวเป็ด หรือเย็นตาโฟเจ้าอร่อย ก็กลัวว่าจะไม่อิ่มเห็นหิวซกๆ กัน ก็เลยพาเข้าร้านที่มีให้สั่งอาหารได้หลายๆ อย่าง ไม่รู้จะถูกใจกันหรือเปล่า แต่ถ้าไปเอง มื้อกลางวันไม่ก๋วยเตี๋ยวเป็ดคุณเอก ก็เย็นตาโฟ เค้าอร่อยจริงๆ นะ แล้วก็ไม่ลืมที่จะไปซื้อกุ๊กไก่ ไก่ทอดสูตรเด็ด กินที่ไหนไม่อร่อยเท่าที่หัวหิน แต่วันนี้ไปถึงดันหมดเสียก่อน เสียดายคอดๆ เลยได้แต่ลูกชิ้นมา
เสร็จจากมื้อกลางวันก็ไปถ่ายรูปกันต่อที่สถานีรถไฟหัวหิน พลาดได้งัยมาหัวหินต้องมาถ่ายรูปที่สถานีรถไฟ ถึงแม้ไม่ได้มารถไฟก็เหอะ วันนี้โชคดีมีรถไฟมาจอดเป็นพร็อบให้ด้วย จากสถานีรถไฟก็กะจะพาน้องๆ ไปเดินชมป่าชายเลนกันต่อที่วนอุทยานปราณบุรี แต่ทางไปอุทยานจะผ่านที่พัก ก็เลยแวะเอาของไปเก็บที่ห้องก่อน พอถึงห้อง มองลงไปเห็นสระว่ายน้ำกันเท่านั้นแหละ งดโปรแกรมต่างๆ หมด เปลี่ยนชุดลงสระกันเลย เล่นน้ำที่สระกันสนุกสนานกันเป็นชั่วโมง แต่ไม่ยักกะมีใครเดินลงชายหาด ไปเลย ทั้งที่อยู่ใกล้กันนิดเดียว ห่างขจากสระว่ายน้ำไปไม่กี่ก้าว ว่ายน้ำเสร็จก็ขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว พากันไปกินอาหารทะเทที่ร้านเจ๊เขียว อาหารอร่อยดีใช่ได้ แต่ปูไม่สดเท่านั้นเอง พูดถึงปูม้านึ่งสดๆ ต้องที่ครัวยุวรัตน์ ไปที่นี่รับรองไม่ผิดหวัง แต่จะผิดหวังตรงที่ร้านไม่ติดทะเลแค่นั้นเอง ราคาก็ไม่แพงด้วย อาหารอย่างอื่นก็อร่อย เพราะไปทีไรก็ไปกินประจำ ร้านประจำของครอบครัวก็มีแค่สองร้านคือ ครัวยุวรัตน์ กับร้านแสงไทย
จากร้านเจ้เขียวก็พากันไปเดินตลาดโต้รุ่งกันต่อ จากเกาะกลุ่มกันดีๆ ก็ถึงคราวต้องแยกย้ายกันเดิน ของกินเยอะมากจริงๆ ก่อนเข้าคอนโดบอกทุกคนให้เตรียมซื้ออาหารเช้าเข้าไปด้วย เพราะที่คอนโดไม่มีขาย จริงๆ มันก็มีนะ แต่ราคามันคงไม่ถูก อยากกินอะไรซื้อเข้าไปกินดีกว่า แต่ปกติไปกันเองครอบครัวก็จะตื่นขึ้นมาขับรถไปกินร้านข้าวมันไก่ ส่งตัวแทนออกไปแล้วหิ้วของกินกลับมาให้คนที่ยังไม่ตื่น เดินตลาดเสร็จก็มานั่งเล่นอูโน่กันต่ออย่างสนุกสนาน แล้วทุกคนตั้งใจกันว่า จะตื่นกันแต่เช้าไปเดินชายหาด ดูพระอาทิตย์กัน ห้องที่คอนโดมี 3 ห้อง ก็มานอนกองกันอยู่ห้องเดียว คือห้อง 84 รวม 7 คนไม่มีใครยอมไปนอนห้องอื่นเลย เรากะพี่บิ้นเลยไปนอนห้อง 83 ซึ่งประตูเชื่อมกัน มีโยเดินเข้าไปนอนสมทบตรงที่นอนพิเศษด้านล่าง และแล้วทริปวันแรกก็จบลง
หัวหินวันที่สอง (5 ส.ค. 2550)
ตื่นขึ้นมาด้วย Life Clock ตื่นอัตโนมัติทุกวันตอนหกโมง ไม่ว่าจะเข้านอนตอนกี่โมง ก็จะตื่นเวลานี้เสมอ ลุกขึ้นมาแหวกม่านไปดูห้องโน้น อยู่กันครบ ยกเว้นปราง ก็เลยคิดว่าปรางคงลงไปเดินเล่นข้างล่าง จัดแจงเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ ไปชะโงกดูอีกที ปรางกำลังกลับเข้าที่นอนใหม่ เห็นบอกว่าออกไปรอพระอาทิตย์นอกระเบียงไม่มา ก็เลยจะหลับต่อ ซะงั้น ไอ้เราพอจะหลับต่อก็นอนไม่หลับแล้ว ไหนๆ ก็มาหัวหินทั้งที เดินออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าซะหน่อยดีกว่า ว่าแล้วก็เดินลงไปจับปู ปูตัวโตๆ เพียบตามเคย ครวนี้มีปลากหมึกตัวเป็นๆ มานอนเกยหาดหลายตัวอยู่เหมือนกัน สงสัยมันจะหนีเรือไดหมึกขึ้นหาดมาแน่ๆ เลย เดินไปสูดอากาศไป ยังเจอน้องหมาชายหาดตัวเดิมๆ ที่คุ้นเคย มาวิ่งออกกำลังตอนเช้าเป็นประจำขยันจริงๆ เจ้าตัวนี้เดินเสร็จกลับขึ้นมาก็ยังไม่มีใครตื่น สงสัยแอร์จะเย็นสบาย จริงๆ โยตื่นขึ้นมาแล้ว แต่พอเห็นว่าคนอื่น
ยังหลับก็หลับต่อ ไอ้เราก็ชักหิว ก็เลยเอาไก่กะข้าวเหนียวเข้าไมโครเวฟนั่งกินไปดูทีวีไป ซักพักก็ทยอยกันตื่นขึ้นมา กว่าจะออกจากคอนโดก็ปาไปสิบโมง เก็บข้าวเก็บของขึ้นรถไปเดินวนอุทยานปราณบุรีกันต่อ ใช้เวลาเดินกันนานมาก เพราะค่อนข้างไกล แล้วก็ถ่ายรูปกันตลอดทางด้วย กว่าจะออกจากอุทยานก็ปาเข้าไปบ่ายโมง จุดหมายต่อไปก็คือ เขาตะเกียบไปถึงเขาตะเกียบคนขับขับผ่านร้านอาหารหลายร้าน หิวมากมาย น้ำลายหยดติ๋งๆ แต่ไม่เห็นว่าจะหยุดซักร้านมุ่งหน้าขึ้นเขาอย่างเดียว เพราะคิดว่าเราจะขึ้นเขาก่อนแล้วกลับมากิน พอถึงบนเข้า ทุกคนไม่ไหวแล้วหิวมาก ก็เลยตัดสินใจเดินไปร้านอาหารชื่อ ลาแมร์ ตอนแรกคิดว่าเป็นร้านอารหารเล็กๆ เพราะอยู่ตั้งบนเขา ที่ไหนได้ พอไปถึงร้านใหญ่มาก ดูเมนูแล้วแทบเป็นลม แพงเหมือนกันแฮะ แต่วิวสวย มองเห็นชายหาดกว้างๆ ของหัวหิน ถึงบางอ้อ อาหารแพงเพราะขายวิวด้วยนั่นเอง แต่อาหารก็โอเคนะ อร่อยใช้ได้ หรือว่าหิวกันหว่า
กินเสร็จอยากไปถ่ายรูปพระปางห้ามสมุทร ที่มองมาจากร้านเจ้เขียวเห็นไกลๆ เด็กที่ร้านแนะนำให้เดินไป บอกไม่ไกล ก็เดินข้ามเขากันไป ก็ไม่ไกลจริงๆ แหละ แต่พอถ่ายเสร็จพี่บิ้นเกิดอยากจะเดินขึ้นเขาไปอีก เห็นบอกข้างบนมีเจ้าแม่กวนอิม ที่ไหนได้ขึ้นไปเป็นหลวงปู่ทวดเหยียบทะเลจืด โดนหลอกแล้วเรา แต่ไปถึงข้างบนก็ได้เห็นวิวสวยๆ อยู่นะ เดินขึ้นไปทั้งร้อนทั้งเหนื่อย คงเดินต่อกันไม่ไหวเลยโทรเรียกรถขึ้นมารับ จากนั้นก็มุ่งหน้ากลับกรุงเทพกันระหว่างทางแวะร้านแม่กินไล้ซื้อของฝาก จบทริปด้วยความเหนื่อยและอ่อนล้า ไปพักผ่อน หรือไป
แรลลี่นี่คือนี่ข้อสงสัย ช่างเหนื่อยจริงๆ ทริปนี้ ก็ไปเที่ยวกันทั้งทีแต่ละคนมีกล้องกันไป แถมมีคนขับรถให้ด้วย ก็อยากให้ไปเที่ยวให้คุ้ม ก็เลยเหนื่อยไปตามกัน คราวหน้าแก้ตัวใหม่ ไปกินๆ นอนๆ เล่นน้ำ ก็พอ น่าจะดีกว่านี้นะ
แล้วจะมีใครยอมไปอีกไม๊เนี่ย เขาเต่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น