เกิดอะไรขึ้นเมื่อป่าตอนกรีตที่เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่อง และอาคารสูงใหญ่กลับกลายเป็นพื้นที่ที่มีต้นหญ้า ซึ่งเป็นอาหารชั้นเลิศของช้างเจริญเติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์ในหลายพื้นที่รกร้างทั่ว
กรุงเทพมหานคร จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ช้างจะเข้ายึดพื้นที่เมืองเป็นที่หากิน ขณะที่รายงานตัวเลขช้างเลี้ยงในประเทศไทย มีประมาณ ๒,๐๐๐ ตัว และตัวเลขยังมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ แต่เรากลับพบเห็นช้างมาเดินเฉียดหลังคาบ้านอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จนเกิดเป็นความคุ้นชินกับสภาวการณ์ที่เกิดขึ้น บางคนอาจจะรู้สึกไม่พอใจ ที่ช้างถูกนำมาทรมานด้วยการเดินบนถนนหลายชั่วโมงติดต่อกัน "ช้างเลี้ยงคนหรือคนเลี้ยงช้าง" อาจเป็นคำถามที่หลายคนยังไม่สามารถหาคำตอบได้ในวันนี้ ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายเลี้ยงใคร
แต่ข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่สำหรับสถานการณ์ช้างไทย นั่นก็คือ เมื่อผืนป่าที่เคยเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของสัตว์ใหญ่ที่ใกล้จะสูญพันธุ์นี้ กลายสภาพเป็นป่าเสื่อมโทรม ผืนดินมีแต่ความแห้งแล้ง ไม่มีพืชเพียงพอจะเป็นอาหารให้ช้างที่ต้องการอาหารมากกว่า ๒๐๐ ตันต่อวัน การเร่ร่อนเข้าเมืองของช้างและคน ไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกเหนือจากเหตุผลของความอยู่รอดเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องราวฟังคล้ายตำนานที่เคยได้ยินมานานนม แต่วันนี้ การรอนแรมเข้าเมืองของช้างและคนจำนวนหนึ่ง ไม่ได้มีเหตุผลขของความอดอยากเพียงอย่างเดียว เมื่อคนกลุ่มหนึ่งเล็งเห็นเส้นทางสายไหมจากธุรกิจขายความสงสารที่กำลังไปได้ดี การนำช้างออกเร่ร่อนจึงแปรสภาพกลายเป็นเรื่องของธุรกิจเช่าช้าง เพื่อร่อนเร่อย่างเต็มรูปแบบ แม้รู้ทั้งรู้ว่าสภาพของเมือง ไม่มีความเหมาะสมอย่างสิ้นเชิงต่อการดำรงชีวิตของช้าง ตรงกันข้ามยังแวดล้อมไปด้วยอันตรายที่ถึงขั้นเสียชีวิตได้อย่างง่ายดายอีกด้วย หลายแนวทางจากหลายองค์กรได้เสนอแนะทางออกในการนำช้างกลับบ้าน คืนถิ่น ซึ่งต้องการความร่วมมืออย่างจริงจังจากหลายฝ่าย แต่มาตรการต่างที่ถูกเสนอไปนั้น ก็ไม่เคยเกิดขึ้นได้จริงนอกจากนี้ ประเทศไทยมีพระราชบัญญัติที่เกี่ยวกับช้าง หลายฉบับ เช่น พ.ร.บ.สัตว์พาหนะ พ.ศ. ๒๔๘๒ , พ.ร.บ. พ.ศ. ๒๕๒๒ และ พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. ๒๕๓๕ แต่ข้อบังคับที่ร่างไว้ก็อาจเป็นพียงกระดาษเปื้อนหมึก ซึ่งไม่มีผลในทางปฏิบัติอย่างจริงจัง-เคร่งครัด วิบากกรรมที่ "ช้างไทย" ต้องเผชิญ นั่นก็คือ ความเห็นแก่ได้ของมนุษย์ที่เห็นแก่ตัว มนุษย์ที่หลงลืมไปว่า ในโลกใบนี้ยังมีเพื่อนร่วมโลกอีกหลายเผ่าพันธุ์อาศัยอยู่ด้วย (จากรายการ หุลมดำ)
อ่านบทความนี้แล้วต้องบอกจริง เห็นด้วย ทำไมไม่ออกกฏหมายมากำจัดไอ้พวกมนุษย์ใจชั่วพวกนี้ซะทีวะ ปล่อยให้มันเอาช้างมาเดินหากินอยู่ได้ จับและปรับมันเป็นแสนแล้วยึดช้างไปให้มูลนิธิที่ดูแลเกี่ยวกับช้างจะได้ไม๊ พอเห็นช้างมาเดินตามท้องถนนในกรุงเทพแล้วมันจิ๊ดดด สงสารช้าง มนุษย์ช่างใจร้ายทำกับมันได้ เอาไฟท้ายวิบวับๆ มามันติดหางมันไว้ พามาเดินตามข้างทาง ช้างมันคงเจ็บเท้าน่าดู เท้าที่น่าจะย้ำเดินบนผืนดินในป่า กลับต้องมาเดินบนพื้นคอนกรีตแข็งๆ ร้อนๆ ตาที่เคยได้มองต้นไม้ ใบไม้สัตว์ป่า ต้องมามองแสงไฟอันเจิดจ้าของตึกรามบ้านช่อง และแสงไฟจากรถยนต์คันน้อยใหญ่ที่ขับผ่านไปมา มันคงสงสัยนะว่าสัตว์อะไรนะทำไมมันเสียงดัง วิ่งกันขวักไขว่ และมีไฟสว่างกันทุกตัวเลย หูที่คอยฟังเสียงนกกา เสียงสายลม และสายน้ำ ต้องมาฟังเสียงเครื่องยนต์ที่อื้ออึงไปทั่วท้องถนน จมูกที่เคยได้สูดอากาศบริสุทธิ์ในพงไพร ต้องมาสูดควันพิษจากไอ้สัตว์ที่มีแสงพวกนั้น ช่างน่าสงสารจริงๆ
เมื่อวันก่อนระหว่างรอรถเมล์ก็เห็นอีกแล้ว ช้างตัวน้อยตัวเดิม ถูกพามาเดินเร่ร่อนบนถนนเพชรบุรีอีกตามเคย หันไปมองสบตากับมัน ตามันดูเศร้าๆ หางมันจะลู่ๆ เกิดความสงสารมันขึ้นมาจับใจ เจ้าช้างน้อยเอ๋ย ที่นี่มันไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะอยู่เลย เจ้าน่าจะได้ไปเดินอยู่ในป่าเขียวๆ เล่นน้ำในป่าที่ไหนซักแห่ง เจ้าคงจะมีความสุขน่าดูเลย อยากจะช่วยมันให้กลับไปอยู่ในป่า แต่ไม่รู้จะช่วยมันได้งัย คิดแล้วเศร้าใจ นี่ขนาดตัวเราเองก็เบื่อเมืองหลวงอันแสนวุ่นวายนี่จะแย่อยู่แล้ว ก็ยังต้องทนอยู่ด้วยเหตุผลต่างๆ หลายประการ และยังโหยหาที่จะใช้ชีวิตแบบสงบ ในทุ่งนา ป่าเขา ลำธาร สายหมอก หรือ ทะเล ที่ไหนซักแห่งอยู่เลย
เมื่อวานนี้อีกครั้งนั่งแท็กซี่ผ่านถนนเส้นเดิม เห็นน้องช้างตัวเดิมอยู่ที่ร้านหมูกระทะ มีคนกำลังซื้ออาหารป้อนมันอยู่ ถ้าทุกคนเลิกซื้ออาหารให้มัน ก็คงไม่มีมนุษย์หน้าโง่ตัวไหนพามันมาเดินเร่ร่อนได้อีกสินะ เมื่อไหร่จะเลิกซื้อกันซักทีนะ
มีเพื่อนญี่ปุ่นคนนึงลงทุนนั่งเครื่องบินมาเที่ยวเมืองไทย เพื่ออยากจะเห็นช้างตัวเป็น และอยากจะขี่ช้างตัวเป็นๆ พอดีเค้ามาไม่กี่วันเลยพาไปได้แค่ฟาร์มจรเข้สมุทรปราการ พาไปขี่ช้างที่นั่นแหละ ดูเค้าตื่นเต้นดีใจมาก ที่ได้เห็นช้าง และได้ขี่ช้าง และแล้วตอนนี้เพื่อนคนนั้นได้มาทำงานอยู่ที่กรุงเทพ แถวสุขุมวิท วันนึงไปเจอกันเค้าก็เล่าให้ฟังแบบตื่นเต้นมากว่าเค้าเห็นช้างด้วยช้างตัวเป็นๆ เดินบนถนนแถวๆ ที่พักของเค้า ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าจะได้เจอ เหอๆ..เค้าก็คงคิดสินะว่าช้างมันคงอยู่ที่สวนสัตว์ หรือตามป่าเขา คงไม่คิดว่ามันจะมาเดินกลางกรุงให้เห็นในระยะใกล้ชิดขนาดนี้มั๊ง แต่บ้านเราเนี่ยเห็นกันชินตาไปซะแล้ว
เพราะไม่มีกฏหมายที่เข้มงวด ไม่ปฏิบัติกันอย่างจริงจัง พอเราเห็นช้างเร่ร่อน ก็ไม่รู้จะไปแจ้งใคร ถึงแจ้งไป ก็คงไม่มีใครมาทำอะไร หรือมาช่วยให้มันหมดไปได้สินะ....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น