วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เมื่อโรบิ้นต้องเข้าโรงพยาบาล Nov 20, '07 10:04 AM

มันเริ่มมาจากวันอาทิตย์ที่บ้านโทรมานัดให้ไปกินข้าวกลางวันกันที่โฮคิทเช่น กำลังจะออกจากบ้านพี่บิ้นเกิดปวดท้องขึ้นมากระทันหัน ก็เลยโทรไปบอกที่บ้านว่าไม่ไปแล้วแต่พอได้เข้าห้องน้ำ และนอนได้ซักพักก็หาย ก็คิดว่าเป็นเรื่องอาหารเป็นพิษ พอบ่ายสามกว่า ๆ ก็ออกจากบ้านไปถ่ายรูปพลุที่เมืองทองธานีได้ วันจันทร์ก็อาการปกติ ไม่ได้มีอาการปวดท้องใดๆ

จนมาถึงคืนวันจันทร์ประมาณสามทุ่ม พี่บิ้นออกจากห้องน้ำมาพร้อมกุมท้อง เราก็แค่หันไปดูแล้วถามว่าปวดท้องเหรอ แล้วก็หันมาเล่นเกมต่อเพราะคิดว่าเดี๋ยวก็คงหาย เพราะคราวที่แล้วก็หายไปเอง ซักพักได้ยินเสียงเรียกชื่อแหม่มๆ พร้อมเสียงครางโอยๆ ออกมาจากห้องนอน วิ่งเข้าไปดู พี่บิ้นตัวงเหงื่อท่วมตัว รีบต้มน้ำร้อนใส่กระเป๋าน้ำร้อนไปโปะที่ท้องให้ ก็ไม่หายเลยโทรเรียกแท็กซี่เพื่อไปโรงพยาบาล ตอนโทรบอกให้มาด่วน รอตั้งนานไม่มาซักที พี่บิ้นอดรนทนไม่ได้ ก็เลยขับรถไปเอง

พอไปถึงหน้าตึกฉุกเฉินตัวงอ รถเข็นก็มารับไปเข้าห้องฉุกเฉินทันที หมอมาดูให้ยาระงับปวด แล้วให้ไปอัลตร้าซาวน์พบว่ามีนิ่วในไต ฉีดยาแก้ปวดไปแล้วอาการก็ไม่ดีขึ้น ก็เลยต้องฉีดอีกเข็มที่แรงกว่า ยามีฤทธิ์ทำให้มึน ง่วง หายใจช้า หมอก็เลยให้แอดมิด เพื่อรอหมอเฉพาะด้านมาวิเเคราะห์ วินิจฉัยโรค และแนะนำวิธีการรักษาอีกทีกว่าจะเสร็จกระบวนการต่างๆ ได้เข้าห้องไปพัก ก็ปาเข้าไปเที่ยงคืน

จริงๆ แล้วห้องที่เราเลือกเป็นห้อง Standard ราคาห้องต่อคืน 2900 บาท แต่รวมค่าโน่นนี่นั่นแล้ว ตกอยู่ห้องละหกพันกว่าบาท แต่ไม่มีว่าง เค้าก็เลยให้ห้อง Deluxe มา ในราคาห้อง Standard โห..พอเข้าไปในห้องเท่านั้นแหละ ห้องมันใหญ่มากๆ แต่งซะสวยไม่เหมือนโรงพยาบาลเลย มีชุดรับแขก โต๊ะกินข้าวโต๊ะใหญ่ เก้าอี้นั่งเฝ้าคนไข้ที่โยกได้ปรับเอนได้แสนสบาย แถมห้องน้ำใหญ่มากๆ เท่ากับห้องนอนที่คอนโดเลย ดูขนาดห้องแล้วขนาดสูสีกับห้องในคอนโดเราเลย

เมื่อคืนก็เลยต้องนอนเฝ้าพี่บิ้นที่โรงพยาบาล วิ่งไปวิ่งมาดูโน่นดูนี่กว่าจะได้นอนก็เกือบๆ ตีสอง แล้วตอนเช้าก็ต้องตื่นมาตั้งแต่ตีห้าครึ่งพยาบาลเข้ามาวัดความดัน แล้วก็ไม่ได้นอนต่ออีกเลย เพราะทุกห้า ถึงสิบนาที ต้องมีหมอ มีพยาบาล คนทำความสะอาด พนักงานส่งน้ำ ส่งหนังสือพิมพ์ เข้าๆ ออกกันตลอดเวลา พอสายๆ เค้าก็พาพี่บิ้นไปเอกซ์เรย์ และอัลตร้าซาวน์ นานเป็นชั่วโมงรอพบหมออีก

หมอให้ดูผลเอ็กซ์เรย์ อธิบายตำแหน่งของนิ่ว ว่าตอนนี้นิ่วในไตมีทั้งสองข้างแต่ข้างซ้ายโตกว่า แล้วอักเสบ มีผลทำให้ไตบวมแล้วปวดท้องอย่างหนัก แต่ด้านขวายังทำงานปกติไม่เป็นอะไร หมอแนะนำวิธีการรักษามาสองวิธีคือ กินยาให้มันขับถ่ายออกมาเองทางปัสสาวะ ซึ่งวิธีนี้จะได้ผลประมาณ 70-80% อีกวิธีคือ block หลัง แล้วสอดท่อเข้าไปทำการเอามันออกมา ซึ่งพี่บิ้นเลือกวิธีแรกก่อน หมอก็แนะนำให้นอน รพ. ต่ออีกคืนเพื่อสังเกตอาการ แต่พี่บิ้นไม่ไหว ขอกลับบ้านเพราะมันไม่ได้พักผ่อนจริงๆ กลับมาบ้านยังจะได้นอนมากกว่าอีกอย่าง คอนโดเราอยู่ใกล้ รพ. แค่นิดเดียว ขับรถไม่ถึงห้านาที แล้วอีกอย่างหายปวดท้องแล้วด้วย

หมอก็ยอมให้กลับบ้าน พอกลับมาที่ห้องแม่พี่บิ้นกับอาเฮียก็มารออยู่แล้ว กลับมารอเค้าเคลียร์ค่าห้อง รอจ่ายยาประมาณสองชั่วโมง รวมเบ็ดเสร็จแล้วนอน รพ. 1 คืน พร้อมค่ารักษาอื่นๆ หมดไปหมื่นกว่าบาทเกือบสองหมื่น นี่ขนาดเค้าคิดค่าห้องแค่ครึ่งวันเองนะ เพราะเอาแอดมิดตอนเที่ยงคืน แล้วทำเรื่องออกตอนเที่ยงวันพอดี อาเฮียเป็นคนจ่ายให้ทั้งหมด เสร็จแล้วก็เก็บของกลับบ้านกัน พี่บิ้นขับรถกลับเองได้แล้ว กลับมาถึงบ้านก็อาการปกติ ไม่มีปวดท้อง ทานอาหารได้ตามปกติ ยังขับไปกินฟูจิที่อาร์ซีเอกันมาตะกี๊นี่เอง

พอกลับมาซักพักกินยาแล้วก็ให้เข้านอนเลย เห็นบ่นว่าปวดท้องมาอีกนิดหน่อย แล้วปัสสวะไม่ค่อยสุด คืนนี้ภาวนาว่าอย่าให้ปวดท้องอีกเลย ไม่อยากกลับไป รพ. อีกแล้ว คงต้องสังเกตอาการอีกซักสองสามวัน

ถ้าไม่หายแล้วปวดท้องหนักเหมือนเดิม ก็คงต้องทำวิธีที่สองแล้ว คือเอามันออก
ถามว่าสาเหตุเกิดจากอะไร หมอบอกว่าตอบไม่ได้ ต้องเอาก้อนนิ่วนั้นออกมาวินิจฉัย และถ้าคนเคยเป็น จะมีโอกาสกลับมาเป็นได้อีก ปีละ 7% ซึ่งพี่บิ้นเคยเป็นโรคนี้มาประมาณ สิบปีก่อนหน้านี้มาแล้ว สาเหตุอีกอย่างน่าจะมาจากดื่มน้ำน้อย แล้วชอบอั้นฉี่ หมอแนะนำให้ดื่มน้ำเยอะๆ วันละ 2 ลิตร

น้ำมีประโยชน์มากๆ กับร่างกายของเรา ฉะนั้นอย่าลืมนะจ๊ะ ดื่มน้ำเยอะๆ แล้วก็อย่าอั้นฉี่เด็ดขาด ปวดให้รีบไปฉี่ทันที เพราะโรคที่เกิดจากการอั้นฉี่อันดับแรกเลยก็คือกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
วันนี้ก็เลยต้องโดดงาน 1 วัน โทรไปบอกพี่โจ้ตั้งแต่หกโมงกว่าๆ กลัวว่าพอสายๆ หมอมา ต้องไปทำโน่นนี่จะไม่มีเวลาโทรบอกใคร แล้วก็รู้อยู่แล้วว่าพี่โจ้ไปถึงที่ทำงานแล้วล่ะ โทรไปไม่รบกวนเวลานอนแน่ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น