หลังจากฉลองวันเกิดอายุครบ 2 ขวบได้ไม่นาน สิ่งที่ไม่คาดคิดสำหรับครอบครัวเราก็เกิดขึ้น จี้จี้หลานสาวตัวน้อยๆ ของพวกเรา ต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อรับการผ่าตัดสมอง!!
มันเริ่มมาจากที่เจ้าตัวน้อยของเราไม่ชอบเดิน จะไปไหนก็ร้องให้อุ้ม พี่เลี้ยงหรือแม่ก็คิดว่าน้องขี้เกียจเดิน พอน้องร้องให้อุ้มก็จะอุ้มทุกครั้ง ส่วนใหญ่จีจี้จะอยู่กับพี่เลี้ยง แม่จะต้องคอยรับ ส่ง พี่เนเน่ น่าน่าไปโรงเรียน จะเจอจีจี้เฉพาะช่วงเย็นก็เลยไม่มีใครสังเกตความผิดปกติของน้อง จนวันนึงพี่เลี้ยงจีจี้ขอลาออก และเมื่อพี่เลี้ยงลาออกซึ่งวันนั้นเป็นวันเสาร์ จีจี้ได้อยู่กับพ่อและแม่ทั้งวันจนสังเกตได้ว่าจีจี้ไม่ยอมเดิน พออุ้มวางน้องก็จะคลานอย่างเดียวเลย
พ่อกับแม่เริ่มสังเกตว่ามันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ แต่คิดว่ากล้ามเนื้อขาของน้องอาจจะผิดปกติ เพราะน้องไม่เดินเลย ก็เลยไปหาหมอทางด้านกระดูก หลังจากคุณหมอดูอาการ ก็บอกว่าขาน้องไม่มีอะไรผิดปกติ คุณแม่ควรจะพาน้องไปหาหมอทางด้านสมองตรวจดูอาการทางสมอง คุณแม่ก็พาน้องไปให้หมอทางด้านสมองตรวจทันที โดยวัดรอบหัวของน้องพบว่า น้องมีขนาดหัวโตกว่าเด็กปกติ คุณหมอจึงให้ไปทำซีทีแสกน จึงพบเนื้องอกในสมอง และแนะนำให้ผ่าตัดทันที
ถามว่าทำไมหัวน้องถึงมีขนาดโตกว่าเด็กปกติ เนื่องจากเนื้องอกในสมองของน้องมีขนาดใหญ่ แล้วมันไปทำให้ท่อที่ระบายน้ำจากสมองไปสู่ไขสันหลังตีบ แล้วน้ำไม่สามารถไหลลงไปสุ่ร่างกายได้ มันก็เลยถูกกักอยู่ในสมอง หรือในหัวของน้อง ทำให้เกิดการขยายตัวเพื่อให้รับจำนวนน้ำที่เพิ่มมากขึ้น
ตอนแรกๆ มันก็ขยายได้เรื่อยๆ จนมันขยายต่อไปไม่ไหวแล้ว ก็ส่งผลให้จีจี้เดินไม่ได้ และคงมีอาการปวดหัวตามมาด้วย เพราะพักหลังจีจี้จะเป็นเด็กขี้หงุดหงิด งอแง ใจร้อน เอาแต่ใจ ซึ่งทุกคนก็คิดว่าเป็นอาการปกติของลูกคนเล็กที่ถูกตามใจ น้องไม่สามารถสื่อสารกับพ่อแม่ได้ว่าน้องเจ็บตรงไหน ปวดตรงไหน หรือรู้สึกอย่างไร เพราะน้องเป็นเด็กพูดช้า พูดได้แค่ไม่กี่คำ เช่น ไม่เอา ออกไป กิน พ่อ แม่ คือพูดได้เป็นคำๆ
อาแหม่มและโซ้ยกู๋มักจะคุยกันประจำว่าทำไมจีจี้พูดได้ช้ากว่าเด็กคนอื่น สาเหตุน่าจะเป็นเพราะจี้จี้อยู่กับพี่เลี้ยงมากเกินไป แล้วพี่เลี้ยงก็เลี้ยงน้องหน้าทีวี พี่เลี้ยงก็ดูแต่ละครทั้งวัน เด็กตัวเล็กๆ ดูแต่ละครผู้ใหญ่ที่พูดเร็วจนเด็กฟังไม่ทัน พูดตามไม่ทัน ก็เลยทำให้พูดช้า อันนี้อ่านมาอีกทีนะ ลองสังเกตการ์ตูนสำหรับเด็กตัวเล็กๆ สิ ตัวการ์ตูนจะพูดช้า และพูดประโยคละ 2 ครั้ง เพื่อให้เด็กๆ ฟังตามทัน และพูดตามได้
หลังจากทำซีทีแสกนเสร็จ จีจี้ก็ถูกส่งมาที่โรงพยาบาลจุฬา เพื่อทำการผ่าตัดทันทีหลังจากรู้แน่ชัดว่าเป็นเนื้องอกแค่ 1 วัน จากที่ไม่เคยอดข้าว อดน้ำ จีจี้ต้องถูกให้อดข้าว อดน้ำก่อนเข้าห้องผ่าตัด คุณแม่จีจี้เล่าให้ฟังว่าน่าสงสารมาก เค้าจะขอนมตลอดเวลา ขอจนเค้าคิดว่าไม่ได้แล้ว แม่ไม่ให้แน่ๆ จี้จีก็เลยพูดคำว่าน้ำแทน แต่ก็ไม่ได้อยู่ดี
ในวันที่จีจี้ถูกส่งเข้าห้องผ่าตัด จี้จี้ร้องไห้เสียงดังมาก พอผ่าตัดเสร็จ พอผ่าตัดเสร็จน้องต้องอยู่ห้อง icu ตามลำพังกับคุณหมอ และพยาบาลอีก 2 วัน พอออกจาก icu มาอยู่ห้องพิเศษ จีจี้ไม่ไม่ยอมหลับตา มีท่าทางหวาดกลัว และร้องไห้ตลอดเวลา ไม่ยอมให้แม่ไปไหน ตาจะคอยมองแม่ตลอดเวลา ทำให้คุณแม่ต้องเฝ้า 24 ชม. ไม่ได้หลับไม่ได้นอนเป็นเวลาหลายวัน ยังดีที่พี่เลี้ยงคนเก่ากลับมาช่วยดูแลน้องด้วย
เข้าใจว่าจีจี้คงจะกลัวมาก เพราะอยู่ดีๆ เธอต้องเข้าห้องผ่าตัดคนเดียว ถูกรุมล้อมด้วยหมอและพยาบาลไม่รู้กี่คน หลังจากออกจากห้องผ่าตัดเสร็จ เจ็บก็เจ็บ กลัวก็กลัว แถมไม่ได้เห็นหน้าพ่อแม่ ไม่มีใครปลอบ พอออกจาก icu เท่านั้นแหละ เธอก็จะไม่ยอมให้แม่คลาดสายตา เพราะกลัวว่าจะถูกทิ้งอีก
หลังจากผ่าตัดเสร็จ จีจี้ต้องนอนอยู่โรงพยาบาลเพื่อสังเกตอาการเป็นเวลา 1 เดือนเต็มๆ ก้อนเนื้อของน้องที่ผ่าตัดออกมาได้ถูกนำไปวิเคราะห์ และผลออกมาไม่ได้เป็นเนื้อร้าย เป็นก้อนเนื้องอกที่มากับน้องตั้งแต่เกิด แต่มันจะโตช้ามาก รู้แบบนี้ทุกคนก็โล่งใจ พออาการดีขึ้นออกมาอยู่ที่บ้าน ในตอนแรกที่กลับบ้าน คอน้องจะเอียงๆ แขนข้างซ้ายจะใช้งานไม่ค่อยได้ตามปกติ คือหยิบจับอะไรไม่ได้ เวลาอาแหม่มไปที่บ้านจีจี้จะมาจูงมืออาแหม่มไปเล่นด้วย อาแหม่มก็จะพยายามยื่นของส่งให้น้องใช้มือซ้ายจับ และคุณแม่ของน้องต้องพาน้องไปกายภาพบำบัดบ่อยๆ
3 เดือนผ่านไป อาการของจีจี้ดีขึ้นตามลำดับ น้องเริ่มวิ่งเล่นไล่จับกับพี่ๆ ได้ เหมือนเด็กปกติทุกอย่างผมน้องที่ถูกโกน ซึ่งคุณหมอจะโกนตรงเฉพาะท้ายทอย ยาวขึ้นมาแล้วผมด้านหน้าด้านข้างยาว ด้านหลังซอยๆ เก๋เชียว จนทุกคนคิดว่าจีจี้ปกติแล้ว คุณพ่อของน้องมักจะพูดเสมอตอนที่เห็นน้องวิ่งเล่นว่า ไม่น่าเชื่อว่าเค้าจะผ่าน Brain Surgery มานะ เหมือนเด็กปกติเลย
จากนี้ไปคุณหมอก็บอกว่าให้ก็หมั่นไปตรวจทุก 1 ปี 3 ปี 5 ปี ตามลำดับ อย่างที่บอกก้อนเนื้อของน้องไม่ได้เป็นเนื้อร้ายคุณหมอบอกว่ามันจะโตช้ามาก จากนี้ไปอีกเป็น 30 ปีโน่นแหละ กว่ามันจะโตขึ้นมา ใจเราก็ไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่ น้องแค่ 2 ขวบเอง ไหนว่าโตช้ามันยังก้อนเบ้อเริ่มเลย แต่หมอบอกแบบนี้เราก็อุ่นใจ
แล้ววันนึงจีจี้หกกะล้ม หัวกระแทกพื้นปูดเลย หลังจากหกล้ม ก็ไม่มีอาการผิดปกติใดๆ จนผ่านมาได้ 10 วัน น้องเกิดอาการซึม ไม่ทานอาหาร อาเจียน คุณแม่ก็เลยพาไปโรงพยาบาล เมื่อทำซีทีแสกน พบว่าน้องมีเลือดคั่งในสมอง ทางซีกซ้าย และมีน้ำคั่งในสมองด้วย น้องต้องเข้าห้องผ่าตัดอีกครั้งเพื่อเอาเลือดคั่งในสมองออก แต่ยังดีที่เนื้องอกไม่ได้โตขึ้น
ครั้งนี้คุณแม่ของน้องเล่าให้ฟังพร้อมเอาคลิปที่ถ่ายจากมือถือมาให้ดูว่าคราวนี้เหมือนจีจี้รู้ว่าเค้าต้องเข้าห้องผ่าตัด พอหมอเอานอนเตียงเอาเพื่อเข็นเข้าไปห้องผ่าตัดจีจี้ไม่ร้องเลย นอนลงไปอย่างเรียบร้อย เค้าคงรู้ว่า ผ่าตัดแล้วเค้าจะหายกลับไปวิ่งเล่นได้อีก คุณหมอบอกว่าเลือดที่คั่งในสมองน้องนั้นไม่ได้มีสาเหตุมาจากการหกล้ม ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น น้องจะต้องสลบไปเลยตอนที่หกล้มไป แต่มันเป็นเลือดที่มาจากการผ่าตัดครั้งก่อนคุณหมอบอกว่าคุณแม่อย่าลืมนะว่าน้องเพิ่งผ่านการผ่าตัดไปแค่ 3 เดือน มันมีโอกาสเกิดขึ้นได้ว่ามีเลือดมีน้ำยังค้างอยู่ในสมอง
พอผ่าตัดเสร็จได้ 4 วัน ออกมาจากไอซียูสังเกตอาการน้องยังมีอาการซึมๆ อยู่ คุณหมอก็จับน้องเข้าห้องผ่าตัดอีกครั้ง เพื่อผ่าตัดเอาน้ำในสมองออกอีก สรุปจีจี้ถูกผ่าตัดสมองไป 3 ครั้งแล้ว ช่างน่าสงสารเหลือเกิน เด็กตัวเล็กนิดเดียวต้องเจออะไรที่สาหัสมากมาย มากกว่าผู้ใหญ่อย่างเราซะอีก การผ่าตัดสมองไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นะ หลังจากผ่าตัดครั้งที่ 3 ออกจาก icu มา จีจี้พูดคุยได้ แต่ตาเธอจะแข็งไม่ยอมกรอกตาไปมาคงเป็นผลจากการผ่าตัด หลังจากนั้นอีกวันก็กรอกตาไปมา การมองเห็นกลับเป็นปกติ
แต่ 3 เดือนที่ผ่านมาจีจี้โตขึ้นเยอะเลย เค้ารู้จักสื่อสารกับคนอื่นได้ว่าเค้ารู้สึกอย่างไร เมื่อคุณพยาบาล หรือคุณหมอมาตรวจ เอาเครื่องมืออะไรมาใกล้ เมื่อก่อนจีจี้เค้าจะร้องให้ พร้อมกับพูดคำว่าไม่เอาๆ อย่างเดียว แต่ตอนนี้เค้าจะบอกเลยว่าเค้ารู้สึกยังงัย จะพูดว่า แม่กลัว แม่กลัว ถ้าเจ็บ เค้าก็จะบอกว่าเจ็บตรงไหน คันตรงไหน เวลาปวดหัว ก็จะบอกว่าปวดหัว ไปเยี่ยมจีจี้มา 2 ครั้งไม่เห็นจีจี้ร้องไห้เลย น้องเข้มแข็งขึ้นมากจริงๆ
ตอนนี้คุณแม่ก็ไม่จำเป็นต้องเฝ้า 24 ชั่วโมง เพราะน้องอยู่กับพี่เลี้ยงได้แล้ว และไม่ร้องให้โยเย พูดจารู้เรื่อง คุณหมอมาเล่าให้ฟังว่าตอนจีจี้อยู่ในห้องไอซียู เค้านอนลืมตาอยู่ พอคุณหมอ หรือพยาบาลเดินมาใกล้ๆ หรือเดินผ่านมาน้องจะแกล้งทำเป็นหลับ เพื่อไม่ให้ใครมายุ่งกะแก คงกลัวคุณหมอมาทำให้เจ็บอีก
ผ่านมาเกือบสองสัปดาห์ ตอนนี้จีจี้ยังอยู่โรงพยาบาล ผ่าตัดครั้งที่สามนี้คุณหมอได้ปรับ Shunt ให้มีระดับที่สามารถระบายน้ำออกมาจากสมองให้ดีขึ้น แล้วพยายามให้น้องนั่งแทนการนอนบ้างเพื่อให้น้ำไหลลงมาไม่คั่งอยู่ในสมอง คิดว่าถ้าอาการน้องดีขึ้นมาเรื่อยๆ ก็จะสามารถกลับบ้านได้แล้ว
ภาวนาให้จีจี้หายไวๆ กลับบ้านไปวิ่งเล่นกับพี่ๆ ได้เหมือนเดิม สู้ๆ นะจีจี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น