วันอาทิตย์หลังจากกินข้าวกันเสร็จ ก็นั่งคุยกันต่อ เรื่องย้ายทะเบียนบ้าน เรื่องเลือกตั้ง และมาจนถึงเรื่องจะเปลี่ยนชื่อใหม่ให้จีจี้ เพราะน้องป่วยหนักเลย คิดว่าเปลี่ยนชื่อเลยจะดีกว่า เพราะชื่อน้องแปลว่า ผู้เป็นใหญ่ในตระกูล ดูมันใหญ่ไป จากชื่อ กุลลลิสรา เปลี่ยนเป็น กุลพนิต อาเฮียเป็นคนดูหนังสือตั้งชื่อ และเลือกชื่อนี้ให้
เราเลยพูดขึ้นมาว่า เนี่ย ชื่อแหม่มไม่ดีเลยเกิดวันศุกร์ แล้วตัวอักษรทุกตัวในชื่อเป็นกาลกินีหมด มีตัว ม ตัวเดียวเองที่ดี นอกนั้น ล ย ว รวมทั้งตัว ร ใช้ไม่ได้หมดเลย ทุกคนก็พูดขึ้นมาพร้อมกันว่าไปเปลี่ยนสิ จริงๆ แล้วเคยคิดจะเปลี่ยนมาครั้งนึง เมื่อหลายปีมาแล้ว เปิดเว็บนึงเจอว่าให้ส่งวัน เดือน ปีเกิด พร้อมชื่อนามสกุลปัจจุบัน ไปทางอีเมล์แล้วเค้าจะส่งชื่อใหม่ที่เป็นมงคลกลับมาให้เราฟรี
ก็เลยส่งไปได้ชื่อใหม่มา 2 ชื่อ คือ มนชิตา และ นันนิชา แปลว่าอะไรจำไม่ได้แล้ว เพราะมันนานมาแล้ว สองชื่อนี้ก็โอเคนะ แต่พอคิดจะไปเปลี่ยนแล้วมันกลัวปัญหายุ่งยากเรื่องเอกสารตามมาเยอะ ต้องไปแก้เอกสารต่างๆ มากมาย เช่น บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน บัตรพนักงาน สมุดบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต กรมธรรม์ประกันชีวิต พาสปอร์ต โอ้ย สารพัด ทำไมเอกสารมันเยอะแบบนี้วะ
ก็ยังแปลกใจว่า ทำไมอาแจ๊เปลี่ยนได้บ่อยมาก เปลี่ยนชื่อนี้ได้ซักพัก เปลี่ยนอีกแล้ว เปลี่ยนหลายรอบจนไม่รู่ตอนนี้เค้าชื่ออะไรแล้วล่ะ ก็พูดกันว่า การเปลี่ยนชื่อมันเหมือนศัลยกรรมป่าวหว่า มันทำแล้วต้องแก้แล้วแก้อีก จนกว่าจะดี อิอิ
และแล้วก็เริ่มบวกลบคูณหารชื่อกัน โดยการเอาวันเดือนปีเกิดมาบวกกัน เสร็จแล้ว เอาตัวอีกษรในชื่อ และนามสกุลมาบวกกันอีก ตอนแรกควักมือถือออกมาบวกกันเลยทีเดียว แต่ปรากฏว่ากดๆ ไป แล้วตัวเลขมันเยอะมาก จนพิมพ์ไม่พอมันก็ไม่ยอมทำงานต่อ ก็เลยต้องกลับสู่สามัญ โดยการไปเอากระดาษ ปากกา มาคิดคำนวณกันดีว่า คำนวณเสร็จได้ตัวเลขออกมาแล้ว ก็มาดูว่า ภายใต้ตัวเลขที่ได้นั้นมีชื่ออะไรบ้างที่เราจะเลือกได้ พี่บิ้นก็ยุเหลือเกินให้เปลี่ยนชื่อเป็น เมตตา บ้าป่าว เปลี่ยนทั้งทีจะให้เปลี่ยนเป็นชื่อเชยๆ แบบนั้นได้งัย เค้าอยากได้ชื่อเก๋ๆ อ่ะ
นั่งดูหมดทุกชื่อในตัวเลขมงคลของเราแล้ว ก็ไม่ถูกใจซักกะชื่อ จนเบื่อจะหาแล้ว ทุกคนก็เดินเข้าห้องไปนั่งดูทีวีกันหมด ยกเว้นอาเฮีย นั่งคำนวณต่ออย่างคร่ำเคร่งที่โต๊ะอาหารอยู่คนเดียว ไม่ยอมไปไหน จนทุกคนเบื่อจะดูทีวีแล้วเดินออกมานั่งคุยกันต่อซักพักอาเฮีย ก็ยื่นกระดาษมาให้เรา บอกอ่ะแหม่ม เอาชื่อนี้มะ ณัฐนิตา แปลว่าปราชญ์ อะไรซักอย่างนี่แหละ จำไม่ได้แล้ว พร้อมบอกด้วยว่าถ้าจะไปแจ้งเปลี่ยนชื่อต้องไปตอนข้างขึ้น วันที่เท่านี้ถึงเท่านี้ด้วยนะ...โอ้วว ได้ชื่อใหม่แล้วเรา
จริงๆ ก็ชอบชื่อที่อาเฮียตั้งให้นะ อยากจะไปเปลี่ยน แต่....อย่างที่พูคคือ ไม่อยากยุ่งยากเรื่องเอกสาร อีกอย่างเราใช้ชื่อนี้มาหลายสิบปี ก็ไม่มีอะไรที่ไม่ดี หรืออุบัติเหตุอะไรร้ายแรงในชีวิตเลย ชีวิตก็ดี ไม่มีปัญหาอะไรมากมาย สุข ทุกข์บ้างตามอัตภาพ อีกอย่างเป็นชื่อที่พ่อ กะแม่ตั้งให้ด้วยสิ แต่ครั้นจะไม่ไปเปลี่ยน อาเฮียจะเสียใจไม๊นะ อุตสาห์ ตั้งอกตั้งใจหาชื่อ และตั้งชื่อให้เรา แต่ถ้าเราเปลี่ยนไปใช้ชื่อที่แกตั้งให้แกคงดีใจ เพราะแกเล่าด้วยความภูมิใจว่า มีเพื่อนให้ช่วยตั้งชื่อหลานชาย แล้วพอตั้งให้แค่ชื่อเดียว เอาให้ปุ๊บเค้าชอบมากและไปเปลี่ยนเลยทันที เด็กก็ดีแบบนี้แหละ คิดจะเปลี่ยนชื่อมันง่ายจริงๆ เอกสารไม่เยอะ รู้แบบนี้เปลี่ยนชื่อตอนเปลี่ยนนามสกุลน่าจะดีกว่า เพราะจำได้ว่าตอนนั้นก็เปลี่ยนเอกสารทุกอย่างเหมือนกัน แล้วทำไมฉันไม่คิดได้ตั้งแต่ตอนนั้นวะ ปล่อยมาได้ทำไมตั้งนานเนี่ย
ระหว่างที่ผู้ใหญ่คุยกันเรื่องชื่อ คำนวณชื่อกันอยู่ เนเน่ก็ให้ความสนใจมาก ป้วนเปี้ยนๆ ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ พร้อมบอกว่าดูให้เนเน่ด้วย เนเน่อยากเปลี่ยนชื่อ พี่อี๊บอกว่าวันนี้พาไปร้านหนังสือ เนเน่ก็เดินตรงไปหยิบหนังสือเกี่ยวกับการตั้งชื่อมาบอกว่าอยากได้ พอวันนี้ผู้ใหญ่คุยกันเรื่องตั้งชื่อ แทนทีจะไปนั่งดูละครกะอาม่า เธอก็มานั่งร่วมลงเสวนากะเค้าด้วย แถมมาช่วยอาแหม่มเลือกชื่อด้วยนะ แต่ไม่มีใครสนใจที่จะคิดชื่อใหม่ให้เนเน่ และเพราะชื่อเนเน่เป็นชื่อที่ดีมาก เป็นการเอาชื่อพ่อกับแม่มารวมกัน พ่อชื่อกุลพงษ์ แม่ชื่อ ปนิตา เนเน่ ชื่อ กุลนิตา อะไรจะเหมาะขนาดนั้น ส่วนเจ้านาน่า ก็ได้ชื่อพ่อกับแม่มาเหมือนกันนะ เพราะเมื่อก่อนอาม่าตั้งชื่อให้พี่อี๊ว่า สมจิตร ชื่อนาน่า ก็เป็น กุลจิตรา ได้ทั้งชื่อพ่อ และชื่อแม่มาเหมือนกัน ช่างคิดจริงๆ เล้ยยย
สำหรับจีจี้คนสุดท้องได้แต่ชื่อพ่อมา ชื่อใหม่ที่อาเฮียตั้งให้ชื่อ กุลพนิต จะเป็นชื่อพ่อ + กับชื่อคุณย่า เก๋ไก๋เหมือนกัน เพราะคุณย่ารักหลานคนเล็กคนนี้มาก
เอ๊า...ปีหน้าแล้วกันค่อยไปเปลี่ยนชื่อใหม่ ที่อาเฮียตั้งให้ ครบเบญจเพศพอดี...เอิ๊กๆ พูดไปด๊ายยยย ไม่อายเลยนะเนี่ย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น