วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เหลาเหลียง เกาะแสนสงบ Nov 6, '07 5:57 AM

จอง Package เหลาเหลียงตั้งแต่งานท่องเที่ยวไทย เมื่อตอนต้นปีมุ่งมั่นมานานแล้วว่าจะต้องไปให้ได้ เพราะดูจากรูป จากบูธที่เค้าจัดแล้วช่างสวยงาม น่าไปมากมายพอมีโปรผี 3 บาท ก็จัดเลยไปสอยมาเพื่อการนี้เลย และแล้วกำหนดการเดินทางของเราก็มาถึง วันเสาร์ที่ 3 พย. ที่ผ่านมา เครื่องออกตอนเช้า 9.20 นัดศักดิ์ให้มารับไปขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง ใช้เวลา ประมาณชั่วโมงหน่อยๆ ก็มาถึงตรัง ระหว่างนั่งอยู่บนเครื่อง บินผ่าน เพชรบุรี ประจวบ มองลงมาฟ้าใส ทะเลสวยเลย ว๊าววไปคราวนี้ต้องสนุกแน่ๆ ปรากฏว่าพอเครื่องเข้าโซนภาคใต้เท่านั้นแหละ เมฆเต็มฟ้าเลย ได้ยินประกาศให้ผู้โดยสารนั่งอยู่กับที่รัดเข็มขัด เพราะอากาศแปรปรวน ซวยล่ะสิมีหวังได้ไปนั่งๆ นอนๆ ดูฝนแน่ๆ

พอเครื่องลงปุ๊บระหว่างเครื่องวิ่งตรงรันเวย์ก็เห็นอาคารเล็กๆ เก่า ตรงหลังคาเขียนว่า ท่าอากาศยานจังหวัดตรัง อย่าบอกนะว่าอันนั้นเป็นอาคารผู้โดยสาร มันทำไมเล็กจัง เล็กมากๆ พอลงเสร็จเครื่องบินวกกลับมาเทียบอาคาร ใช่จริงๆ ด้วย ลงเครื่องปุ๊บ เดินเข้าอาคารได้เลย ใกล้นิดเดียวเอง เป็นอาคารชั้นเดียว ไม่มีงวงช้างให้เดินออกไป เรานั่งทางด้านหลัง ก็เดินลงบันไดทางด้านหลังได้เลยเครื่องวันนั้นคนเต็มทุกที่นั่ง ไม่น่าเชื่อเค้ามาทำอะไรกันจังหวัดเล็กแค่เนี๊ยมันมีอะไรเหรอ เออ....เราก็มาด้วยนี่หว่า


พอลงเครื่องเสร็จ ก็มีคนจากรีสอร์ทมายืนชูป้ายรอรับแล้วพาเราไปขึ้นรถตู้ พอไปถึงรถก็มีน้องผู้ชาย 4 คนนั่งอยู่แล้ว รวมเราสองคนแล้วก็เป็น 6 คน แล้วรถตู้ก็วิ่งต่อไปอีกประมาณชั่วโมงก็มาถึงท่าเรือ ลงรถตู้ปุ๊บก็ลง Speed Boat บึ่งอย่างรวดเร็ว ประมาณ 15 ได้ ก็พาเราขึ้นเกาะ พอเดินเข้าไปถึงก็มีน้องผู้หญิงเอาน้ำแดงมาเสริ์ฟ พร้อมกับเรียกให้ไปทานอาหารกลางวัน จริงๆ แล้วอาหารทุกมื้อของที่นี่เป็นบุฟเฟ่ห์ แต่เราไปถึงก็บ่ายโมงแล้ว เค้าก็เลยยก

มาเสริ์ฟ เมนูกลางวันนี้ก็เป็น ผัดผักรวมกุ้งสด แกงจืด เส้นหมี่ผัดซีอิ๊ว และปลาสามรสมั๊ง กินไปตบยุงไป ยุงเยอะจริงๆ กินเสร็จ ก็เลยขอ กย. 15 เค้ามาเอาไว้ทากันยุง เค้ามีเตรียมให้พร้อมเลย ไปขอได้ตลอดเวลา อ้อ ตอนกำลังเดินขึ้นเกาะ มีผู้หญิงคนนึงมองจ้องเรากับพี่บิ้นใหญ่เลย แล้วก็มีผู้ชายคนนึงเดินยิ้มแฉ่งมาทักทาย เราก็คิด ทำไมคนนี้หน้ามันคุ้นมากเลย เคยเจอกันที่ไหน หน้าเราก็ยิ้มตอบ แต่ในหัวประมวลผลใหญ่เลย เค้าเป็นใคร เคยเจอกันที่ไหน ทำไมคุ้นแบบนี้วะ คิดงัยก็คิดไม่ออก จนพี่บิ้นพูดขึ้นมาว่า อ้อ...เคยไปทัวร์เกาหลีด้วยกัน โลกกลมจริงๆ นะเนี่ย


พอกินข้าวเสร็จ เค้าก็นัดแนะเราว่าให้พักผ่อนตามสบายก่อน แล้วบ่ายสองมาเจอกัน เค้าจะพาไปปีนหน้าผา เสร็จแล้วก็พาเราไปเข้าที่พัก เป็นเต้นท์ขนาดใหญ่ เต้นท์ของเเราเป็นหลังสุดท้าย พอเข้าไปจะเจอเป็นห้องนั่งเล่นก่อน พอเปิดเข้าไปข้างในก็จะมีเตียงอยู่สองเตียง ในเต้นท์ก็มีโคมไฟ และพัดลมให้ พนักงานที่รีสอร์ทบอกว่าเมื่อวานตอนกลางคืนฝนตกหนักมาก มิน่าพื้นมันเปียกๆ รอบๆ เต้นท์ก็ดูชื้น พอเข้าไปในเต้นท์ปุ๊บเอาของเก็บก็เดินถือกล้องถ่ายรูป

บรรยากาศรอบๆ จนถึงบ่ายสองน้องพนักงานก็มาเรียกไปปีนหน้าผา กรุ๊ปของเราก็มี 4 กุมาร และเราลองคนเป็น 6 ก็ไปปีนหน้าผากัน เดินไปใกล้ๆ ไม่ถึง 50 เมตร ไปถึงก็เห็นฝรั่งเตี้ยสองคนกำลังปีนกันอยู่ เหล่า 4 กุมารก็เริ่มปีนกันก่อน เหลือกุมารอ้วนไม่ยอมปีน ตอนแรกก็ไม่คิดจะปีน แต่ไหนๆ มาแล้ว เอาซะหน่อย อยู่กรุงเทพ จะไปหาปีนได้ที่ไหนล่ะ เริ่มแรก ก็ปีนขึ้นไปอย่างรวดเร็ว พอไปสูงๆ เท่านั้นแหละ หน้าผาที่เราปีนนั้นมันจะชื้นๆ แล้วใต้หน้าผามันก็จะมีน้ำหลหยดลงมาตลอดเวลา พอเราไปเจอไอ้ตรงชื้นๆ แล้วตะไคร่น้ำเกาะเท่านั้นแหละ ถอดใจเลย เล็บก็ยาว จิกไม่ไหว ก็เลยขอลง ตอนปีนขึ้นไปไม่ได้ก้มลงมาดูว่าเราขึ้นไปสูงแค่ไหน พอตอนจะลงก้มลง


มามองมันสูงมากจริงๆ ขาสั่นเลย ก็เลยโรยตัวลงมา ถึงโดยปลอดภัย จะว่าไปแล้ว อยากไปตัดเล็บแล้วปีนขึ้นไปอีกรอบเหมือนกันนะเนี่ยปีนหน้าผาเสร็จ ก็มาเดินเล่นชายหาด ถ่ายรูปต่อซักพักก็ไปอาบน้ำเสร็จ ก็ได้เวลาอาหารเย็น ห้องน้ำที่นี่จะเป็นห้องน้ำรวมทำด้วยไม้ไผ่ ไม่มีหลังคา อาบไป ก็มองหน้าผาไปด้วย ทุกห้องจะมีชักโครก และฝักบัวสำหรับอาบน้ำ  น้ำที่นี่เย็นมาก และแรงมาก การตกแต่งห้องน้ำดูเหมือนจะสวย ประดับประดาด้วยโคมไฟสวยงาม ดูเป็นธรรมชาติดี แต่ดูไร้รสนิยมไปหน่อย คือ กรวดที่ใช้โรยพื้นห้องน้ำ เป็นกรวดแบบก่อสร้างสีเทาๆ ทึมๆ ไม่สวยเอาซะเลย น่าจะเอากรวดสวยๆ สีขาวๆ น่าจะดีกว่านี้นะ

มื้อเย็นที่นี่ตอน 6.30 น. อาหารเย็นวันนี้มี ปูนึ่ง กุ้งเผา ปลากระพงย่างเกลือ มัสมั่นไก่ ทอดมันปลา แกงจืด อาหารอร่อย โดยเฉพาะน้ำจิ้มซีฟู้ดที่นี่ทำอร่อยมาก ค่ำนี้มีกลุ่มคนไทยที่มาทักเราประมาณ 8 คน ฝรั่ง 4 คน และ 4 กุมาร และเราอีก 2 คน และอีกกลุ่มนึงมากัน 2 คู่ หลังจากกินข้าวเสร็จ กลุ่มคนไทยกลุ่มใหญ่นั้นก็ไปนอนดูทีวีที่เรือนใหญ่ ที่นี่มีทีวีเครื่องเดียว ที่เรือนใหญ่ ฝรั่งก็เปิดเพลงเบาๆ นั่งกินเบียร์กัน สี่กุมารก็ไปซื้อเบียร์มานั่งกินกัน เรากับพี่บิ้นก็นั่งจบน้ำชาฟังเพลงคุยกันซักพัก ก็เข้าเต้นท์ ไม่มีอะไรเลยจริงๆ นอนแต่หัวค่ำเลย เพราะเกาะมันเล็กนิดเดียว เดินไม่ถึงห้านาทีก็รอบเกาะแล้ว พอเข้าไปในเต้นท์ พี่บิ้นก็พูดขึ้นมาว่า เราจะไม่มาอีกแล้ว อืม...จริง เราไม่มาอีกแล้ว มันไม่มีอะไรทำเลย หรือเรามากันแค่สองคนก็ไม่รู้ ไปหลีเป๊ะยังสนุกกว่านี้อีกอ่ะ แต่สำหรับคนที่ชอบความเงียบสงบ มากินๆ นอนๆ อย่างเดียวเลย ก็คงชอบ

วันที่ 2

วันนี้ตื่นแต่เช้ากะจะถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้น ปรากฏว่าเมฆเต็มฟ้า มองไม่เห็นพราะอาทิตย์เลย ก็เดินวนๆ รอบเกาะ ถ่ายรูปมุมเดิมๆ เสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำ เพื่อเตรียมตัวกินข้าว อาหารเช้าวันนี้เป็นไส้กรอกทอด ไข่ดาว ข้าวต้มหมู สำหรับอาหารอื่นๆ แล้วก็มีพวกซีเรียล และนม ให้พวกฝรั่งกิน ซึ่งก็จะวางไว้พร้อมกับพวกคุ๊กกี้ ชา กาแฟ ขนมปัง พร้อมเครื่องปิ้ง ที่เราสามารถไปชงกิน หยิบกินกันได้ตลอดเวลา กินข้าวเช้าเสร็จ กลุ่มคนไทยกลุ่มใหญ่ก็พากันออกเดินทางกลับ แล้วไกด์ก็พาเรา 6 คนไปดำน้ำที่เกาะตะเกียง จากเกาะเหลาเหลียงนังเรือหางยาวไปประมาณ 20 นาที ก็ถึง ปะการังที่นี่สวยมาก เป็นปะการังเขากวาง มีสีเขียวด้วย ที่นี่เจอปลาเยอะมาก ทั้งนีโม่ ดอลลี่ ปลาหลากชนิดสวยๆ ทั้งนั้น เยอะไปหมด ดูไม่เบื่อเลย ดีจริงๆ โดนแตนทะเลต่อยเล็กน้องถึงปานกลาง พอทนไหว แลกกับความสวยใต้ท้องทะเลที่เห็นแล้วคุ้ม

จากเกาะตะเกียงเราก็มาดำต่อที่เกาะเหลาเหลียงพี่ หรือชื่อเป็นทางการว่าเกาะรังนก ที่นี่คลื่นแรงมาก พอเรือจอดไม่อยากจะลง แต่ 1 ใน 4 กุมารก็ลงไปตาไกด์ไปก่อนเป็นคนแรก ตะโกนขึ้นมาว่าปะการังสวย ปะการังอ่อนเยอะเลยเอาล่ะสิต้องไปดู ว่าแล้วเราก็กระโดดลงเรือไป พอก้มลงมองดูไม่เห็นมีอะไรเลย ไหนอ่ะ ปะการังอ่อน มันหลอกตรูป่าวหว่า พอดำไปใกล้ๆ โขดหิน ว๊าววว จริงด้วยปะการังอ่อนเยอะมาก สีสวยมากเลย มีทั้งสีชมพู แดง นี่ถ้าฟ้าเปิดแล้วแดดสวยๆ ก็คงดีนะ นี่น้ำแรงและขุ่นไปหน่อย ดำต่อไปได้ซักพัก ตุ๊บตั๊บๆ หนุบหนับๆ โอ้ยยย ไม่ไหวแล้ว ดำไปเกาไป แตนทะเลคงมากันทั้งรังละมั๊ง สุดจะทน มองไปที่เรือ ไอ้สี่กุมารมันขึ้นเรือไปจะหมดแล้วนี่หว่า ก็เลยรีบว่ายกลับเรือ ทั้งตีขา ทั้งแหวกน้ำ ก็ยังไม่ไปไหน อยู่ที่เดิม ไม่ไหวแล้วคราวนี้งัดท่าว่ายน้ำมาเลย กว่าจะถึงเรือเล่นเอาหอบ คลื่นแรงจริงๆ ว่ายทวนน้ำด้วย พอขึ้นเรือได้แกะชูชีพ โรยคารามายเลย


หลังจากขึ้นเรือกันครบทุกคน ไกด์ก็พาเรามากินข้าวที่เกาะเหลาเหลียงพี่ พอขึ้นเกาะมาก็เจอป้ายที่มีชื่อเป็นทางการว่า เกาะรังนก และเราไปนั่งทานข้าวกันที่แคร่ของบ้านชาวประมงหลังนึง ซึ่งมีน้องหมาชื่อหนิงวิ่งมาต้อนรับ กระดิ่งของน้องหมาน่ารักมาก วิ่งมาดังก๊องแก๊งๆ เชียว กระดิ่งใหญ่ๆ ที่ทำด้วยปลากระป๋องตราสามแม่ครัว อาหารกลางวันของเราวันนี้เป็นข้าวกล่อง กล่องอาหารเค้าน่ารักมาก เป็นกล่องพลาสติก กลมๆ เหมือนกล่องชุดเบนโตของฟูจิ แบ่งเป็น 3 ช่อง ช่องใหญ่ๆ เป็นข้าว อีกช่องเป็นกะเพราะ และอีกช่องเป็นไข่ดาว

หลังจากทานอาหารกลางวันกันเสร็จ พวกเราก็เดินอ้อมไปอีกด้านของเกาะ จะเป็นชุมชนของชาวประมง เป็นบ้านหลังเล็กๆ และมีเรือจอดที่ชายหาดเต็มไปหมดแล้วเรือที่จอดอยู่ก็จะมีธงเล็กๆ หลากสีปักอยู่ที่หัวเรือทุกลำ เข้าไปมองใกล้ๆ เค้าใช้ร่มเก่า ๆ ที่พังแล้วมาทำเป็นธงแหละ ไม่รู้เหมือนกันว่าธงพวกนี้เค้าเอาไว้ทำอะไรกัน เพราะตรงด้านล่างของไม้จะมีโฟมอยู่ด้วย คาดว่าน่าจะเอาปักไว้เป็นเครื่องหมายว่าวางอวนไว้ตรงไหน หรือเปล่าอันนี้เดาเอานะ เดินเข้าไปใกล้หมู่บ้านได้กลิ่นคาวปลากลิ่นแบบปลาเน่าลอยมาก่อนเลยเดินไปตรงชายหาด ปลาดาวเต็มหาดไปหมด สงสัยจังมันมาจากไหนเนี่ย แล้วก็รู้ว่ามันติดมากับอวนที่ชาวประมงไปปลามานั่นเอง ก็เลยมาลอยตาย ตามชายหาดเต็มไปหมด เป็นสุสานปลาดาวเลยเชียว ช่างน่าสงสารจริงๆ ชายหาดสกปรกมาก มีแต่เศษซากปลาต่างๆ ที่ติดอวนมาแล้วมันขายไม่ได้กินไม่ได้ เค้าก็ทิ้งเรียราด กลิ่นเหม็นคาวคลุ้งไปหมด


ในหมู่บ้าน บ้านแต่ละหลังก็เป็นหลังเล็กๆ เป็นกระต๊อบปลูกขึ้นมาง่ายๆ ติดๆ กันเหมือนสลัมในเมืองกรุงเลย มีร้านขายของชำด้วยนะราคาชาวบ้าน ถูกกว่าบนเกาะของเรา ที่เกาะเราน้ำเปล่าดื่มฟรี ไม่จำกัด แต่พวกเบียร์ หรือน้ำอัดลม จะแพงกว่าราคาปกติมาก โค้กแคนกระป๋องละ 30 แต่ที่หมู่บ้านชาวประมง เห็นพวกสี่กุมารบอกว่าราคาเท่ากันกับที่ขายทั่วไป ก็เลยได้เบีนร์มาหลายกระป๋อง พร้อมกะขนมอีกหลายอย่างเลย ไปยืนดูเค้าคัดปูขาย ปูเป็นๆ สดๆ เลย ใกล้ๆ กันนั้นก็มีหมอใหญ่ๆ กำลังนึ่งปูกลิ่นหอมเลย สอบถามได้ความว่าปูตัวโตๆ สดๆ โลละ 150 นึ่งแล้วโลละ 170 ถูกมาก เป็นที่กรุงเทพ ก็โลละ 300-400 บาท ไม่สดเท่าที่นี่ด้วย สี่กุมารก็ซื้อมาสองโล เดินแกะกินโดยไม่ง้อน้ำจิ้มกันเลยทีเดียว


หลังจากที่เดินเล่น ชมวิถีชีวิตชาวประมงกันเสร็จแล้วก็ขึ้นเรือกลับเกาะ อาบน้ำอาบท่านอนพักได้ซักแป๊บ บ่ายสาม เดินไปลากเรือคยัคมาพาย เป็นครั้งแรกที่พายเรือคยัค เค้าเลยบอกให้พายแค่หน้าหาดก่อน สนุกดีเหมือนกัน แต่เมื่อยแขนชมัด เพราะเราพายใกล้หาด คลื่นมันจะค่อนข้างแรง ไม่กล้าออกไปไกลๆ กลัว กิจกรรมที่นี่ก็จะมี ดำน้ำหน้าหาดดูปะการัง พายเรือคยัค แล้วก็ปีนหน้าผา อุปกรณ์เค้ามีให้พร้อม ใครอยากจะทำอะไรก็ตามสบาย นกเว้นปีนหน้าผาใครจะปีนต้องเรียกเจ้าหน้ามี่เค้าไปคอยดูแลด้วยเพราะค่อนข้างอันตราย


หลังจากพายเรือจนเบื่อและเมื่อย ก็มาอาบน้ำอีกรอบ แล้วก็นอนรอเวลาอาหารเย็น มื้อเย็นวันนี้มีเหลือกันไม่กี่คนแล้ว มีกลุ่มเรา 6 คน ฝรั่ง 3 คู่ กะอีก 1 คน และมีฝรั่งแก่ๆ มาเพิ่มอีกคู่ มื้อเย็นวันนี้มี ปูนึ่ง ปลาเผา แกงเขียวหวานไก่คะน้าน้ำมันหอย ไข่ลูกเขย และน้ำพริกกะปิ กับผักสด อาหารอร่อยมาก เนื่องจากคนเหลือน้อย ปูนึ่งก็เลยเหลือหลายตัว วันนี้แกะปูจนเมื่อยมือปูตัวโต สด และอร่อยมาก มื้อนี้อิ่มสุดๆ อ้อ..ลืมบอกไปว่าฝรั่งแก่ๆ สองคนที่มาใหม่นั้นแกะปูไม่เป็น พนักงานต้องมาคอยนั่งแกะให้ แต่คนไทย อย่างเรา กับฝรั่งกลุ่มนั้น แกะกันมันส์เลย คาดว่าพอกลุ่มเราออกจากเกาะฝรั่งก็ยึดเกาะเลยแหละ

กินข้าวเสร็จก็ไม่รู้จะทำอะไรอีก ก็นั่งฟังเพลง จริงๆ ในตารางกิจกรรมบอกเราว่าจะพาเราไปดูปูแม่ไก่ และมีรำกระบองไฟให้ดู แต่กินข้าวเสร็จไม่เห็นมีอะไรเลย นั่งฟังเพลง จิบชาได้พักใหญ่ ก็กลับเต้นท์นอนคุยกันจนเบื่อแล้วก็หลับไม่รู้จะทำอะไร ไม่มีอะไรให้ทำเลยจริงๆ ที่นี่จึงเป็นเหมือนสวรรค์ของฝรั่งที่ชอบกีฬาแบบเอกซ์ตรีมจริงๆ สังเกตุมีฝรั่งสองคู่ ตื่นเช้าขึ้นมาพายเรือรอบเกาะ เสร็จแล้วก็ตามด้วยปีนหน้าผา พอแดดแรงหน่อยก็มานั่งพัก กินอาหารกลางวันเสร็จ บ่ายสองแดดลับหน้าผา ก็ไปปีนหน้าผากันต่อ ปีนหน้าผาเสร็จค่ำลงหน่อย ว่ายน้ำ พายเรือ ทำอยู่แบบนี้ทุกวันๆ ไม่มีเบื่อกันมั่งเลย


วันที่ 3
ตื่นเช้าขึ้นมาเดินเก็บภาพอีกรอบ มุมเดิมอีกแล้ว ถ่ายแล้วถ่ายอีกเอาน่าไหน ๆ ก็มาแล้ว และคิดว่าคงไม่มาอีกแล้ว เราคงไม่ได้เป็นพวกชอบนอนกลางดินกินกางทราย ถึงเต้นท์มันจะไฮโซก็เหอะ แถมยุงเยอะ

อีก

ด้วย เราไปตอนปลายมรสุมก็งี้นแหละ แล้วที่นี่มันเป็นป่า ยุงและพวกแมลงต่างๆ เยอะมาก พอเข้าเต้นท์ต้องรีบรูดซิบทันที ไม่งั้นมันจะตามเข้ามาแล้วไม่ต้องนอนกันเลยคืนนั้น ตอนแรกสงสัยว่าฝรั่งมันไม่กลัวยุงหรืองัยวะ ถอดเสื้อตลอดเวลา เดินไปเดิน

มาอยู่ได้ ซักพัก มันควักสเปรย์มาฉีดทั้งตัว แม้แต่หัวมันยังฉีดเลย มิน่ายุงถึงไม่กัดมัน พนักงานบอกว่าต้องมาช่วงเดือนกุมภาเป็นต้นไป ช่วงหน้าร้อนน้ำจะใส ยุงและแมลงจะไม่เยอะ แต่เอาเหอะ ไม่มาแล้วล่ะ เช้าวันนี้อาหารเป็นข้าวต้มกับ มียำไข่เค็ม ปลากรอบ ถั่วทอด คะน้าปลาเค็ม ไข่เจียว ยำเกี๋ยมฉ่าย ฝรั่งกินกันไม่เป็น ก็เลยต้องกินไข่เจียว กินซีเรียลกัน ฝรั่งแก่คู่นั้นก็คงอยากลองของแปลกเห็นตักคะน้าปลาเค็ม กับยำเกี๋ยมฉ่าย ไปเยอะเลย แต่ดันไม่ตักต้มไปกินด้วยนะ แถมกินจนหมดซะด้วย สปิริตแรงกล้า ช่างไม่กลัวขี้ไหลเอาซะเลย แปลกดี วันที่ฝรั่งน้อยๆ อาหารเช้าดันเป็นไส้กรอกไข่ดาว แต่วันที่ฝรั่งเยอะ ดันทำข้าวต้มกับ งานนี้คนไทยอร่อย แต่ฝรั่งแหลกไม่ล่าย


กินข้าวเสร็จก็ออกเดินทางกลับเลย สี่กุมารอยู่ต่อถึงตอนบ่าย แต่เรากลับไฟล์ 11 โมง ต้องออกจากเกาะ ตอนแปดครึ่ง Speed Boat ก็พาเราสองคนออกจากเกาะ ขึ้นท่าเรือก็เอารถมาจอดรอแล้วพาเราขึ้นรถไปส่งที่สนามบิน กลับมาถึงกรุงเทพถึงบ้านก็บ่ายโมง งานนี้ได้ผื่นมาทั้งตัวไม่รู้เป็นเพราะยุง หรือแมลง แต่ที่แน่ๆ รอลุ้นว่า จะเป็นไข้เลือดออก หรือไข้ป่าหรือเปล่า เดี๋ยวก็รู้ หาเรื่องจริงๆ
คราวหน้าทริปทีลอซู ไม่รู้จะเป็นงัย....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น