วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

มามิในหนังสือรักลูก : เบบี้เมา (รถ) !! Oct 12, '09 11:41 PM

ใครที่ไม่ได้อ่านคอลัมน์นี้ในหนังสือ เค้าเอาขึ้นเว็บมาให้ดูกันแล้วค๊าาาาา

เบบี้เมา (รถ) !!
โดย: Blooming Blossom

ยามพาลูกวัยเบบี้ออกเดินทาง ไม่ว่าจะไปเที่ยวหรือไปไหนก็ตาม สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลก็คงหนีไม่พ้นอาการเมารถ !!
ป้องกันไว้ก่อน
ยิ่ง ลูกยังบอกไม่ได้ว่าแม่จ๋าเวียนหัว หรือคลื่นไส้ แต่จะมีอาการเอาแต่ร้องงอแงโดยที่คุณพ่อคุณแม่หาสาเหตุไม่ได้ วิธีที่ดีที่สุดคือป้องกันไว้ก่อนค่ะ เพราะถ้าขืนปล่อยให้ลูกเมารถครั้งหนึ่งแล้วล่ะก็ รับรองได้เลยว่าตลอดระยะทางที่เหลือลูกก็จะมีอาการเหล่านั้นไม่เลิกรากันเลย ทีเดียว ซึ่งวิธีรับมือคือ


* ก่อนออกเดินทางต้องตรวจสภาพรถว่าอยู่ในสภาพที่สมควรแก่การเดินทางหรือไม่ และอย่าลืมตรวจน้ำยาแอร์ด้วยว่ามีเพียงพอ อีกทั้งระบบแอร์ยังทำงานปกติ เพราะอากาศที่ถ่ายเทไม่สะดวกจะทำให้ลูกเกิดอาการเมารถได้
* เตรียมถุงพลาสติก ทิชชูทั้งเปียกและแห้ง พร้อมเสื้อผ้าสะอาดไว้บนรถเผื่อกรณีฉุกเฉิน


* ให้ลูกกินนมหรืออาหารก่อนเดินทาง หลีกเลี่ยงการให้นมหรืออาหารขณะอยู่บนรถที่วิ่งอยู่ และไม่ควรปล่อยให้ลูกท้องว่างตอนเดินทาง เพราะจะทำให้รู้สึกคลื่นไส้ และการให้อาหารลูกในขณะที่คลื่นไส้ก็ไม่ใช่วิธีจัดการที่ดีค่ะ


* หลีกเลี่ยงอาหารมันๆ ที่ทำให้ระบบการย่อยอาหารทำงานหนัก
* ไม่ฉีดน้ำหอม หรือนำอาหารกลิ่นแรงพกติดรถไปด้วย
* การนอนหลับจะช่วยป้องกันอาการคลื่นไส้ได้ ดังนั้น ก่อนเดินทางควรเลือกเวลาที่ลูกจะนอนในระหว่างวัน
* ถ้าลูกยังเล็กอยู่ ไม่ควรอุ้มลูกในลักษณะหันหน้าไปข้างหลัง เพราะการมองข้างหลังขณะรถวิ่งจะกระตุ้นให้เกิดอาการค่ะ
* จัดตำแหน่งให้ลูกนั่งอยู่ในมุมที่สามารถมองออกไปนอกรถได้ และคาร์ซีทก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ เพราะเบาะจะช่วยยกระดับศีรษะลูกให้พ้นขอบกระจกจนสามารถมองวิวข้างทางได้สบาย
* อย่าให้ลูกเล่นของเล่น หรืออะไรก็ตามที่ต้องเพ่งสายตาไปที่สิ่งๆ นั้น เพราะจะทำให้สายตาล้าและเวียนศีรษะได้
* หากเดินทางด้วยรถทัวร์ รถตู้ หรือแม้แต่รถส่วนตัวที่มีลักษณะเป็นรถครอบครัว อย่าให้ลูกนั่งเบาะหลัง
สุด เพราะแรงเหวี่ยงและการสะเทือนจะมีมากกว่าบริเวณส่วนหน้าและกลางรถ แต่อย่างไรก็ตาม กฎง่ายๆ เลยคือให้ลูกนั่งเบาะถัดจากเบาะหน้าค่ะ เพราะนั่งหน้าสุดก็ไม่ปลอดภัย นั่งหลังสุดก็เมา (รถ) ได้ง่ายๆ


ทำครบทุกข้อก็จะช่วยป้องกันอาการเมารถของลูกได้ หวังใจไว้ว่าวิธีเหล่านี้จะได้ผลกับลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่นะคะ
จาก:นิตยสารรักลูก

ฉบับที่ 321 เดือนตุลาคม 2552
คลิกไปดูที่เว็บได้เลยค๊าาา ------>


อันนี้อีกอันนะค๊าาาา -------->

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น