เอ๊า....รถตู้ละกัน แต่ก็ยังไม่ได้โทรไปจองรถตู้ทันที เพราะมันมีบางคนลังเล ว่าจะไปดีหรือไม่ไปดี งานมีวันเสาร์ พอวันพุธมีคนถอนตัว ลังเล อาจจะไม่ไป ไปๆ มา อาจจะเหลือแค่ 6 คน งั้น 6 คน เอารถเราไปก็ได้ พอบอกว่างั้นไม่เอารถตู้ล่ะนะ ไปรถพี่ดีกว่า ก็มีคนเพิ่มมาเรื่อยๆ จนได้ 13 คน ตายแล้ว รถตู้ไม่พอ เพราะมันมีที่นั่งแค่ 10 ที่เอง เอาเหอะ เบียดๆ กันไป ปุ๋ยมันแนะนำว่านั่งตักกันไปอ่ะพี่ คนที่เป็นแฟนกันน่ะ จะได้วัดความอดทน สงสัยมันวัดความอดทนของแฟนมันโดยการนั่งตักแฟนมันมาแล้วนี่เอง
พอสรุปกันได้แล้วก็ให้ปุ๋ยโทรไปจองรถให้ คุยกับคนขับรถก็แหม่งๆ แล้วว่ามันจะรุ้ทางหรือเปล่าวะ บอกมันว่านัดเจอกันที่ฟอร์จูน มันก็ยังไม่รู้อีกว่าฟอร์จูนอยู่ไหน ต้องมานั่งอธิบายมันอีก แล้วนี่มันจะพาเราไปโคราช มันจะพาเราหลงป่าววะ เอาน่า อาชีพเค้า มันคงพาเราไปได้แหละ ทริปนี้ไปเช้าเย็นกลับ ให้เราจัดทริปอีกตามเคย โหดนะเฟร้ยย ไม่อยากจะบอก
เช้าวันเสาร์ นัดกันที่หน้าฟอร์จูนตอนเจ็ดโมงเช้า เพราะอยากไปถ่ายรูปทุ่งทานตะวันช่วงเช้า จะได้ไม่ร้อน นาฬิกาปลุกตอนตีห้าครึ่ง โอ้ยยยย.... ทำไมมันมืดแบบนี้วะ ไปทำงานไม่เคยตื่นเช้าขนาดนี้ ไม่อยากจะตื่นเลย เมาขี้หูขี้ตาลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว ซดนมไปคนละกล่อง แล้วออกจากบ้านทันที ขับรถมาจอดที่จอดรถของรถไฟใต้ดินสถานีศูนย์วัฒนธรรม โชคดีที่นั่นมีห้องน้ำ...เพราะหลังจากจอดรถต่างคนต่างวิ่งเข้าห้องน้ำ ไม่ค่อยได้กินนมตอนเช้าขนาดนี้ ขี้ไหลตามระเบียบ กะเวลาไปถึงหน้าฟอร์จูนก่อนเวลานิดหน่อย ก็เลยสาย เป็นสองคนสุดท้ายซะงั้น
ไปถึงเห็นรถตู้จอดอยู่ แต่ไม่เห็นพวกเราซักคน อ้าววว....สายกันหมดหรือเนี่ย นี่ชั้นว่าชั้นสายแล้วนะ เอ๊มันยังงัย อย่างน้อยมันต้องมีใครบ้างแหละน่า เพราะตอนที่ตั้งสติได้คิดว่าสายแน่ๆ แล้วโทรหาเก๋ เก๋บอกนั่งมอเตอร์ไซด์ผ่านหน้าเราไปแล้วนี่นา โทรตามอีกทีปรากกว่าทุกคนไปรวมตัวกันที่ป้ายรถเมล์ พอโทรตามก็มากับครบ ขึ้นรถ แล้วออกรถได้ทันที
พอขึ้นรถเท่านั้นแหละปล่อยมุกกันขำกระจาย นั่งรถไปขำไป หัวเราะจนเหนื่อย รถวิ่งไปเรื่อยๆ แวะปั๊มเสร็จก็วิ่งตรงสู่ทุ่งทานตะวันเลย พอลงรถก็แยกย้ายกันถ่ายรูปกันหนุกหนาน ดอกทานตะวันช่างสวยจริงๆ มุดเข้าไปถ่ายกันแบบไม่กลัวคัน ไม่กลัวหนอนกันเลยทีเดียว เสื้อผ้าเปื้อนเกษรสีเหลืองๆ กันทั่วหน้า ถ่ายรูปเสร็จประมาณ สิบโมงหน่อยๆ พี่บิ้นบอกว่ายังมีเวลาเหลือไปน้ำตกเจ็ดสาวน้อยกัน เข้าไปอีกนิดเดียว...เอ๊า ไปก็ไป
ก่อนไปน้ำตกพี่บิ้นแวะซื้อแมวย่าง เอ้ยย....ไก่ย่างสองไม้ เอาไว้กินรองท้อง ก่อนไปกินมื้อกลางวันกัน ถามโยว่ากินอะไรไปมั่งยัง โยบอกจะเหลือเหรอพี่ คิดในใจ อืมม...ดี โยกินไปมั่งแล้วไปต่อก็น่าจะพอไหว เพราะคนที่บ่นหิวๆ คือโยนั่นเอง ไปถึงน้ำตก ด้วยความที่หิว หมดแรง หรือว่าเป็นลักษณะเฉพาะกลุ่ม ที่เอาไปปล่อยตรงไหน มันก็อยู่กันตรงนั้นก็ไม่รู้ เพราะน้องกลุ่มนี้ ปล่อยตรงไหน อยู่ตรงนั้นจริงๆ ไม่ไปไกลกว่าบริเวณที่เอาไปปล่อยเลย ตามง่ายนะเนี่ย แบบนี้ไม่มีหลง
แต่พี่บิ้นไม่เป็นแบบนั้น เดินไปเอาโบรชัวร์มาดูว่าบริเวณไหนของน้ำตกสวยบ้าง พี่แกรู้ว่าด้านล่างสวยก็เดินแยกย้ายหายไป เก็บภาพของแกไป เราก็รวมกลุ่มอยู่พักนึง เอ๊ะ.... ชักหายไปนาน ยังงัยเนี่ย ก็เลยเดินไปตาม ระหว่างเดินก็เก็บรูปรายทาง เดินไปได้แป๊บเดียวทางเดินสบายๆ ลาดลงนิด ๆ เอง ก็มองเห็นพี่บิ้นกำลังมีความสุขกับการถ่ายรูปอยู่ ก็เดินไปแจม แล้วบอกว่า น้องๆ ไม่ตามมานะ พี่รีบๆ ถ่าย แล้วเดี๋ยวจะได้ไปกัน
พี่บิ้นก็ยังใจเย็นถ่ายรูปไปเรื่อยๆ แล้วพูดว่าจะรีบไปทำไม ที่นั่นมันไม่มีอะไร ไอ้เราเข้าใจนะว่าที่นั่นมันไม่มีอะไรจริงๆ แต่น้องๆ มันหิว คงอยากไปหาอะไรกินมากกว่าจะอยากจะมาถ่ายรูป พอขึ้นมาจากน้ำตก พี่บิ้นก็ควักแมวย่าง ข้าวเหนียว ออกมากิน เราก็แจมๆ ไปนิดหน่อยรองท้อง เพราะจากน้ำตกก็ไปอีกไกลเหมือนกันกว่าจะไปถึงร้านอาหาร ของกินที่น้ำตกก็มีขายนะนะ ที่เห็นเยอะๆ ก็แมวย่างนั้นแหละ แต่ก็ไม่เห็นมีใครหาซื้ออะไรคงคิดว่าออกจากน้ำตกไปก็ได้กินข้าวแล้วมั๊ง
จากน้ำตกเราเองก็นึกว่าจะไปร้านอาหารกันเลย เพราะคุยกันว่าไปร้านอาหารจะใช้เวลามั่งรถประมาณหนึ่งชั่วโมงไปถึงโน่นก็เที่ยงนิดๆ พอไหว แต่เปล่า.....พี่บิ้นบอกว่าจะไปอุโมงค์ต้นไม้ใกล้ๆ แค่นี้เอง แล้วค่อยไปกินข้าวต่อยังทัน เอ๊า...เอางัยก็เอา...ไอ้คนขับรถเจ้ากรรมก็ดันพาขับหลงอีก หลงไปหลงมาชักไม่ไหว ชะโงกหน้าไปถามพี่บิ้น....นี่เรายังจะไปกันอีกเหรออุโมงค์ต้นไม้เนี่ย พี่แกก็ยืนยันว่าจะไป เอ๊าไปก็ไป...แต่พอหันไปข้างหลัง เงียบกันทั้งคัน เพราะหิวนั่นเอง ถ้าแวะปั๊มที่มีเซเว่นก่อนหน้าก็ดี จะได้มีอะไรกินรองท้องกันมั่ง นี่ดันไปจอดปั๊มอะไรก็ไม่รู้ ไม่มีอะไรกินกันเลย เพราะตื่นเช้า ก็เลยไม่มีใครได้กินข้าวเช้ากัน แถมใช้พลังงานสิ้นเปลืองไปกับการหัวเราะตลอดทาง แบทเลยหมดกันทุกคน
แต่พอถึงอุโมงค์ต้นไม้ลงรถไปถึงกับอึ้ง....เนี่ยเหรออุโมงค์ต้นไม้ ไม่เห็นเหมือนกับที่คิดไว้เลย ทางเข้าหมู่บ้านแถวเดอะมอลล์ราม ยังสวยกว่าอีก แต่น้องๆ ก็มีแรงฮึดกันอีกครั้ง กระโดดโลดเต้นถ่ายรูปกันหนุกหนาน เสร็จแล้วก็กลับขึ้นรถไปนั่งเงียบต่อ....ระหว่างทางไปร้านอาหารก็มีเสียงบ่นหิวเป็นระยะๆ รถก็ขับไปเรื่อยๆ ทุกคนเงียบกริบ ใจเราก็นึกตำหนิพี่บิ้นอยู่ในใจว่า ไม่น่าพามาเลยอุโมงค์ต้นไม้ แต่ทุ่งทานตะวันก็พอแล้วนี่นา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา คราวหน้าไม่เอาแล้ว ไม่ยอมให้พี่บิ้นนั่งกับคนขับแล้วล่ะ เพราะพี่แกไม่ห่วงเรื่องกินข้าวเลย แบบว่ามันเลยวัยกำลังกิน กำลังนอนมาแล้วงัย ไม่หันมามองข้างหลังมั่งเลยหรืองัย หิวนะเฟร้ยยย...วัยกำลังกิน กำลังนอนทั้งนั้นเลย ^_^
พอไปถึงร้านอาหารร้านนี้ไปกินก็หลายที คนเยอะเป็นปกติ แต่มันจะเต็มตรงส่วนที่เป็นระเบียงยื่นออกไปแต่ด้านในก็จะว่างๆ แต่วันนี้คนดันเต็มไปหมด แถมมีทัวร์มาลงด้วยสิ พอได้ที่นั่งรีบสั่งอาหาร ก็ยังดีที่อาหารมาไม่ได้ช้ามากมายนัก พอรับได้ สั่งมาเต็มโต๊ะเลยกลัวว่ากินกันไม่หมด แต่ทีไหนได้ เกลี้ยงเลย สงสัยมันจะหิวกันจริงๆ นะเนี่ย เช็คบิลมาราคาก็พอรับได้ไม่แพงจนเกินไป กินซะขนาดนั้น ร้านอาหารต่างจังหวัดมันก็ดีแบบนี้แหละ
กินข้าวกันเสร็จแล้วก็มาที่งานบอลลูนเลย วาดภาพเอาไว้ก่อนมาว่า มันน่าจะเป็นทุ่งหญ้าเขียวๆ บนเนินเขา พอเอาเข้าจริงๆ อะไรเนี่ย สนามหญ้าแข็งๆ หญ้าแห้งๆ ตายๆ เนี่ยนะ เปิ้ลได้บัตรเชิญสำหรับขึ้นบอลลูนมา 4 ใบ พวกเราไปกัน 12 คน ตัดเปิ้ลไป ก็เหลือ 3 ใบ มากว่าครึ่งอยากขึ้น รวมทั้งเราด้วย เปิ้ลแอบเอามาให้เราใบนึง แต่เห็นน้องๆ หลายคนอยากไป เหลือแค่ 2 ใบ จะให้โอน้อยออกกัน ไอ้เราจะเอามาเลยก็ดูน่าเกลียดก็เลยเอาคืนให้เปิ้ลกลับไป แล้วไปโอน้อยออกกับเค้า สรุป...เราไม่ได้ จริงๆ อยากขึ้นมาก แต่ท่าทางพี่บิ้นจะไม่อยากให้เราขึ้น ดีแล้วล่ะ เห็นตอนรินขึ้นไปแล้ว ถ้าเราไปอยู่ตรงนั้นคงขาสั่นเลยแหละ
ตอนเค้า set up บอลลูนกัน ทุกคนก็นั่งรอรอบๆ สนาม ที่เป็นหญ้าแห้งๆ และฝุ่นตลบนั้นแหละ พอเค้าเริ่มเป่าลมเข้าบอลลูนเท่านั้นแหละทุกคนกรูกันเข้าไป เรานั่งอยู่ด้านหน้า มันก็ข้ามหัวไปพึ่บพั้บ โอ้ย..ไม่ไหวแล้วว้อย ลุกขึ้นมั่ง วิ่งไปถ่ายรูปมั่งดีกว่า ขณะที่กำลังถ่ายรูปอย่างหนุกหนานอยู่นั้น ก็มีคุณป้าคุณนึงมาสะกิด
ป้า : น้องๆ....
เรา : คะ ในใจคิด จะมาขอเราถ่ายรูปให้ป่าววะ (แต่เปล่า)
ป้า : น้องมีฟิล์มมาเยอะไม๊ ขอซื้อต่อได้ป่าว
เรา : ชิ้งงงง..... อึ้งไป 1 วิ...รูปเมมโมรี่การ์ดก็ลอยมาในหัว เออ...หมายถึงเมมโมรี่การ์ดหรือเปล่าคะ
ป้า : ทำหน้างง....
เรา : ระหว่างที่เรางง ป้างง อยู่นั้น ก็นึกขึ้นมาได้ ป้าคงหมายถึงฟิล์มถ่ายรูปนั่นเอง ก็มันไม่ได้ใช้นานแล้วง่ะ มันนึกไม่ออกมาซะงั้น ก็เลยตอบป้าไปว่า ไม่มีค่ะ
ป้า : ยัยป้าก็หันไปหาคนที่มาด้วยอีกคน แล้วพูดว่า "เค้าไม่ยอมขายต่อให้"
อ้าวววววววววว...ก็มันไม่มีง่ะ จะไปขายต่อให้ป้าได้งัยวะ (อันนี้คิดในใจ)
ยัยป้ามันก็คงคิดในใจว่า ก็เห็นๆ อยู่ว่ามันใช้กล้องฟิล์ม ดันไม่ยอมขายให้ฉ๊านนนนน
กล้องหนูง่ะ ที่เอาตาส่องๆ เข้าไปตอนถ่ายน่ะ มันบ่อใช่กล้องฟิล์มนี่ป้า.....ฮ่วย
เพิ่งได้เห็นบอลลูนใกล้ๆ เป็นครั้งแรก มันช่วงสวย มันช่างใหญ่ สีมันสดใสจริงๆ แต่มีอันนึงแอบสกปรกด้วยนะ คงใช้มาหลายปี ไปหลายประเทศแล้ว คงมีแอบลงน้ำลงคลอง คลุกโคลนมาแล้วด้วยแหละ คนมันแย่งกันถ่ายรูปจริงๆ นะให้ตายสิ โดยเฉพาะ ตอนที่เค้าเป่าลมเข้าบอลลูน มันจะไปแย่งถ่ายด้านในของบอลลูน เราก็วิ่งตามพี่บิ้นไป จังหวะเหมาะ เห็นมุมกำลังดี จะกิดชัทเตอร์ ภายในบอลลูนป่องๆ อยู่นั้น ก็มีกล้องใหญ่ยื่นปาดหน้าเข้ามาป๊าบบบบเข้าให้ แถมเอาตูดใหญ่ๆ มาเบียดเรากระเด็นออกมา
ไอ้บร้า กรูถ่ายอยู่นะเฟร้ย...รอให้กรูถ่ายเสร็จก่อนไม่ได้งัยวะ เซ็งมากก็เลยไม่เอาละกรูไม่ถ่ายก็ได้ ไม่เห็นจะอยากถ่ายเลย ถ้ามันต้องแย่งกันขนาดนั้น ก็เลยเดินหนี หามุมสงบของตัวเอง เพื่อถ่ายรูปต่อไป ก็มาเจอพวกเราเองกลางสนาม ก็เลยเกาะกลุ่มพวกเราอยู่แบบนั้น พี่บิ้นจะอยู่ไหนก็ช่างมันแล้ว เดี๋ยวค่อยโทรหา ซักพัก พี่บิ้นก็หาเราเจอ บอลลูนของรินเป็น 2 หรือ 3 ลูกสุดท้ายแล้วล่ะ
หลังจากส่งรินขึ้นบอลลูนแล้ว เราก็ไปหาที่ทางนั่งเล่นรอกันอยู่แถวๆ รอบๆ สนาม เพื่อรอพวกที่ไปกะบอลลูน และเพื่อรอดู Night Glow กัน หนึ่งกลับมาคนแรก ตามด้วย ริน...ไปหลังสุดทำไมกลับมาก่อนหว่า ต่อด้วยเปิ้ล และเก๋มาช้าสุดมาถึง Night Glow จะเริ่มแล้ว เก๋นี่ออกไปก่อนเพื่อนเลย แต่ดันกลับมาหลังสุด นึกว่าหนีตามฝรั่งกลับ England ไปซะแร้นนนนน เสป็กฝรั่งซะด้วยนะนั่น งานนี้เป็นงานรวมช่างภาพจริงๆ เลยนะ ได้เห็นกล้องทุกชนิด เลนส์ทุกประเภท ตั้งแต่กล้องป๊อกแป๊ก เลนส์ป๊อกแป๊ก กระบอกข้าวหลาม และเลนส์เทพพระเจ้า โอ้วววว กล้องมันช่างเยอะจริงๆ ยิ่งชิงมุมดีๆ ถ่ายกันพัลวันเลย
การแสดงบอลลูนประกอบเสียงเพลง และพลุ (Nigh Glow) สวยงามใช้ได้ แอบดีใจที่ได้อยู่รอดู แต่แอบเคืองพลุยังไม่ทันจะหมดเลย ดันมาไล่เราออกไปซะได้ก็ดันไปนั่งตรงที่เค้าจะเก็บบอลลูนพอดี จะรีบเก็บทำไมวะ รออีกแค่แป๊บเดียวเอง เลยได้รูปพลุมาคนละไม่กี่รูปเอง ดู Night Glow เสร็จก็สองทุ่มแล้ว น้องๆ บางคนอยากกลับไปกินร้านเดิมเมื่อตอนกลางวัน แต่คิดไปคิดมากว่าจะขับรถไปถึงสั่งอาหารอีก คงช้าอ่ะ คนขับรถมันก็เชียร์เสต๊กฟาร์มโชคชัยอยู่นั่นแหละ เอาวะ กินเสต๊กก็ได้ ไหนๆ ก็เป็นทางผ่านก็เลยมาจบที่ร้านเสต๊กโชคชัย อิ่มไปตามๆ กัน มื้อนี้แพงนะเนี่ย...เอาน่า นานๆ ถี่....
กินเสร็จคนขับรถก็เหยียบสุดตรีน เพื่อจะให้กลับถึงกรุงเทพก่อนเที่ยงคืน เพราะถ้าถึงหลังเที่ยงคืน เค้าจะคิดเพิ่มเป็นอีก 1 วัน ถึงกรุงเทพหน้าฟอร์จูนกันโดยสวัสดิภาพ เวลาห้าทุ่มครึ่งพอดิบพอดี....เสร็จแล้วก็แยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน นอน....เหนื่อยจริงๆ นะเนี่ย เป็นทริปวันเดียวที่ทั้งสนุก และทั้งเหนื่อย....
คราวหน้าไปกันอีกนะ แต่.....วานช่วยจัดทริปให้ที...ถ้าไม่อยากเจอทริปแรลลี่แบบนี้อีก...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น