วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เที่ยววัดอนาลโย และกว๊านพะเยา Sep 3, '07 6:27 AM



วันเสาร์เย็นหลังจากกลับจากสวนแม่ฟ้าหลวง บอกแม่ว่าพรุ่งนี้ทำขนมจีนน้ำเงี๊ยวให้กินด้วย จะนั่งกินนอนกินทั้งวัน ไม่ไปไหนเลย พอตื่นเช้ามาปุ๊บกลิ่นหอมๆ จากครัวก็ลอยมา แม่ทำน้ำขนมจีนอยู่ ไปช่วยแม่ล้างผัก หั่นผัก เตรียมเครื่องเคราต่างๆ สำหรับกินกับขนมจีน กินเสร็จอิ่มมากมาย นอนเลี้อยไปเลื้อยมา นึกขึ้นได้เสือบอกให้ไปหาที่บ้าน ให้ไปดูว่าแต่งบ้านใหม่สวยหรือเปล่า เอ๊าใกล้ๆ นี่เอง ให้ม่อนขี่มอเตอร์ไซด์พาไป


ก่อนออกจากบ้านเสือตะโกนบอกให้แต่งตัวรอนะ อีกซักพักจะไปรับไปเที่ยวพะเยา เอาล่ะสิ...จริงๆ ก็อยากอยู่บ้านกับแม่อีกซักวัน แต่อยากเที่ยวก็อยาก รีบกลับบ้านมาบอกแม่ว่าขอไปเที่ยวกะเสือนะ แล้วจะรีบกลับ ว่าจะอยู่กับแม่ทั้งวัน แต่ก็ห่วงเที่ยวอีกจนได้ และแล้วเราสี่คน เสือ เอ ม่อน แหม่ม ก็เดินทางออกจากบ้านไปเที่ยวพะเยากัน


ขับรถประมาณเกือบๆ ก็ถึงพะเยา ระหว่างทางก็แวะตลอดเลย ซื้อมะพร้าวเผา มะพร้าวน้ำหอม กระท้อน ระหว่างทางจากอำเภอพานไปพะเยา ของฝาก ของกินที่ขึ้นชื่อก็คือมะพร้าวน้ำหอม จุดหมายแรกของเราวันนี้คือ อนาลโย-ดอยบุษราคัม  เป็นวัด ซึ่งมีบริเวณกว้างขวางมาก พระครูปลัด สัมมพิพัฒนตญานาจารย์ (พระครูไพบูลย์) เป็นเจ้าอาวาสบริเวณ ดอยบุษราคัม และม่อนพระนอน ประกอบด้วยพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย สูง 18 เมตร หน้าตักกว้าง 12 เมตร ลักษณะงดงามมาก และยังมีพระพุทธรูปปางต่าง ๆ อีกหลายองค์ อาทิ พระพุทธไสยาสน์ พระพุทธรูปปาง- ลีลา พระพุทธรูปปางนาคปรก สร้างด้วยความประณีตสวยงามแบบศิลปะไทย รัตนเจดีย์ เป็นศิลปะแบบ อินเดีย-พุทธคยา เก๋งจีนประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิม หอพระแก้ว มรกตจำลอง เครื่องบูชาพระแก้วมรกตทำ ด้วยทองคำและของมีค่าต่าง ๆ จากยอดเขาสามารถชมทัศนียภาพของกว๊านพะเยาและเมืองพะเยาได้อย่าง สวยงาม บริเวณลานจอดรถข้างล่างมีร้านขายของที่ระลึก เช่น กระเป๋า และของที่ระลึก ประเภทต่าง ๆ นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นวัดอนาลโยได้ 2 ทาง คือ ทางบันได และทางรถยนต์


ด้วยความกว้างขวางมากของบริเวณวัดนี่เอง ทำเอาพวกเราสี่คนเดินกันจนเมื่อยขา ใครไปถึงตรงทางขึ้นไปไหว้องค์พระจะมี ปูนปั้นเป็นรูปวงกลม คล้ายดอกบัว ไอ้เจ้ารูปกลมๆ นี้จะเป็นรูปสัตว์ประจำราศีต่างๆ แล้วจะเห็นบนรูปสัตว์แต่ละตัวมีเหรียญตั้งอยู่เต็ม อย่าลืม แวะเอาเหรียญตั้งตรงนี้นะ ตั้งไม่ได้ถือว่าไม่มีบุญ เราเอาตั้งตรงลูกกะตาเลย เพราะมันหยักๆ เหมือนมีอะไรมาค้ำๆ ด้านข้างทั้งสองด้าน ล้มยากเลยแหละ

 

เคยไปวัดนี้ครั้งแรก เมื่อสิบกว่าปี จำได้ว่ามีผู้คนเยอะ แยะมากมาย ต้นไม้ก็ยังต้นเล็กๆ อาคาร หรือสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ยังใหม่ ไปตอนนนี้ผิดหูผิดตาไปมากมาย เหมือนกับเปลี่ยนไปเป็นคนละที่เลย แต่ที่ยังจำได้ว่ามันคือที่เดิม ที่เราเคยไปมาแล้ว ก็คือองค์พระนั่งขนาดใหญ่ ที่เป็นปูนสีขาวๆ และพระยืนปางห้ามญาติขนาดใหญ่ที่ทำจากทองสัมฤทธิ์นั่นเอง สิบกว่าปีมันเก่า และทรุดโทรมไปขนาดนี้เชียวเหรอ ชีวิตเรา ก็คงเก่าและแก่พอๆ กับวัดนี่แหละ จำได้ว่าเค้าเริ่มสร้างขึ้นมาตอนสมัยเรายังเด็กๆ เลย ชีวิตของเราคงเก่าและทรุดโทรมเหมือนกันสินะ พวกโบราณสถาน วัดวาอาราม ยิ่งเก่า ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งขลัง เป็นที่เคารพศักการะ แล้วคนเราล่ะยิ่งแก่ ยิ่งอยู่นาน จะเป็นเหมือนกันหรือเปล่า หรือว่าแก่แล้วแก่เลย ช่างมันเหอะ...วัดแห่งนี้จะตั้งอยู่บนดอยแยกกันเป็น 2 ที่ ที่แรกจะเป็นที่ที่มีพระพุทธรูปนั่งองค์ใหญ่สีขาว อีกที่นึง จะเป็นดอยที่มีพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่ ห่างกันประมาณไม่เกิน 10 นาที ขับรถยนต์นะ


หลังจากเดินชมวัดจนเมื่อยขา คิดว่าไม่ทั่วแหละ ก็ไปจุดที่สำคัญๆ จนเกือบครบหมดแล้วก็พากันไปกว๊านพะเยาต่อ เสืออยากกินเสต๊ก เอ๊ากินก็กิน จริงๆ อยากกินพวกปลาเผา อาหารที่มาจากกว๊านมากกว่า เสต๊กที่นี่ราคาไม่แพง จานละตั้งแต่ 59 บาท ไปจนถึง 199 บาท รสชาดก็พอไหว ชิมของคนอื่นนะ เพราะเราสั่งสลัดกุ้งสดมากิน น้ำสลัดอร่อยดีจริงๆ เคยมากินร้านนึงจำชื่อไม่ได้ ริมกว๊านนี้แหละ ส้มตำอร่อยมากมาย กับข้าวอย่างอื่นก็อร่อย ราคาไม่แพงด้วย วันหลังต้องกลับมากินอีก


กินเสร็จก็รีบเช็คบิลกลับบ้านเลย เพราะต้องขึ้นเครื่องตอน หกโมงเย็น ต้องไปถึงสนามบินประมาณห้าโมง มาถึงบ้านรีบอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ โซ้ยขน้ำเงี๊ยวไปอีกชามก่อนออกจากบ้าน 4 คืน 3 วัน ที่เชียงราย ทำไมมันรวดเร็วขนาดนี้ ยังไม่อยากกลับกรุงเทพเลย ยังงัยจะต้องหาเวลากลับบ้านอีก เบื่อที่สุดเลยช่วงหน้าหนาว ตั๋วเครื่องบินแพงชมัด ใครๆ ก็อยากไปเที่ยวเชียงราย ไอ้เราอยากจะกลับบ้านช่วงนั้นก็ต้องซื้อตั๋วแพงๆ

กลับบ้านคราวนี้ไม่ได้แวะไปถ่ายรูปที่วัดร่องขุ่นเลย ขับรถผ่านไปผ่านมาทุกวัน แวะจ่ายตลาดใกล้ๆ วัดอีกตะหาก แต่ก็ไม่ได้แวะเข้าไป เอาไว้คราวหน้าละกัน....แล้วจะกลับมาใหม่นะเชียงราย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น