วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เขาใหญ่ วันแรก Jul 23, '07 11:05 AM


หลังจากเอารถไปเปลี่ยนยางมาแล้วทีนี้มันก็ต้องหาเรื่องเที่ยว พอดีมีน้องที่เคยทำงานกับพี่บิ้นเอ็มมาชวนพี่ทบิ้นไปเที่ยวเขาใหญ่ เค้าได้ห้องพักมา 2 ห้องในราคา 1600 บาท แต่เค้ามีกันแค่ 3 คน ก็เลยมาชวนเราไปแชร์ด้วยอีก 2 กะว่าจะเอารถไปแค่คันเดียว เพราะมีแค่ 5 คน รถเราเอาไหวอยู่แล้ว นัดกันที่ Top RCA ใกล้ถึงเวลานัดน้องมันโทรมาบอกว่าเปลี่ยนใจไม่ไปตามนัดแล้ว จะขับรถไปเอง เลยตกลงว่าเดี๋ยวไปเจอกันที่ฟาร์มโชคชัย แวะกินข้าวกลางวันที่นั่น ขับรถไปเรื่อยๆ เข้าสระบุรี มองไปข้างหน้าเห็นเมฆฝนครึ้ม เห็นแบบนี้แล้วมันน่าเลี้ยวรถกลับจริงๆ เลย ไปถึงฟาร์มโชคชัยประมาณเกือบเที่ยง เข้าห้องน้ำห้องท่า ไปซื้อไอติมมานั่งกินรอซักพัก น้องๆ ก็ตามมาถึง ช่างบังเอิญจริงๆ ระหว่างรอเจอกับหรีด มาจากหาดใหญ่ พาครอบครัวมาเที่ยว 

อาหารกลางวันของเราพลาดได้งัย มาถึงฟาร์มโชคชัยแล้วต้องกินสเต๊ก ทุกคนสั่งสเต๊กกันหมด 4 คน เราก็เลยเปลี่ยนใจสั่งเป็นก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นแทน เพราะเคยมาเที่ยวครั้งนึง ก็สั่งสเต๊กกันทั้งโต๊ะ ไม่ไหวเลี่ยน สั่งอย่างอื่นแล้วมาจกสเต๊กชาวบ้านดีกว่า แต่ขอบอกก๋วยเตี๋ยวเค้านี่อลังจริงๆ ชามใหญ่มากกกกกสมกับราคา 110 บาท เนื้อตุ๋นนี่เนื้อจริงๆ เท่ากันสเต๊กชิ้นใหญ่เลย ถ้าเอามาต่อๆ กัน เพราะก้อนใหญ่มาก ต้องหั่น 4 ถึงจะเอาเข้าปากได้ อร่อยมากมาย กินจนหมดชามเลย ตอนแรกกะจะเที่ยวในฟาร์มก่อน แต่น้องๆ มันกลัวไม่สนุกอีกอย่างเราก็เคยเข้าไปเที่ยวแล้วด้วย ก็เลยไม่เป็นไร ไปต่อได้ ก็ขับรถกันต่อ เข้าที่พักไปเช็คอินก่อน


ไปถึงที่พักพื้นที่มันเยอะจริงๆ แต่ทำไมมันดูเหมือนร้างๆ ไม่มีคนเลยสงสัยกันใหญ่ว่าเรามาถูกที่หรือเปล่า รีสอร์ทร้างไม๊นะ เช็คอินเสร็จให้ขับรถอ้อมป่าไปแล้วไปเข้าที่พัก เป็นอาคาร 2 ชั้น ห้องของพวกเราคือ 512 และ 513 อยู่ด้านล่างเปิดประตูเข้าไปทางด้านหลังห้องเป็นสระว่ายน้ำ สระใหญ่ สวยเลยแหละ สำรวจภายในห้องห้องกว้างมาก มี เตียงตั้ง 4 เตียง เอ๊ะ เราเข้าห้องผิดป่าววะ มากัน 5 คน ห้องโน้นต้องนอนกัน 3 คน สลับห้องกันป่าว เดินไปถามน้องห้องโน้น มันก็บอกว่ามีเหมือนกันพี่ มีเตียง 4 ผ้าห่มอีก 6 หมอนอีก 4 โอ้ววช่างเยอะจริงๆ โธ่รู้งี้ชวนคนอื่นมาด้วยก็ดี ไม่กล้าชวนเพราะกลัวห้องจะเล็กไม่ได้เห็นห้องก่อนไป แถมน้องมันก็บอกไม่เอารถไป แล้วดันมาเปลี่ยนใจ ที่ในรถก็เหลือเฟือ แถมไปเจอห้องใหญ่ๆ อีก คิดถึงน้องๆ ที่ออฟฟิศ น่าจะลากไปด้วยกันจะได้หนุกหนานๆ


หลังจากเช็คเข้าห้องน้ำห้องท่ากันแล้ว ก็มารวมกันที่รถของเราขับขึ้นเขาใหญ่ ระหว่างทางฝนก็ทำท่าจะตกจริงๆ มันลงมาปรอยๆ แล้วล่ะ คล้ายๆ กับว่ามันตกก่อนหน้าที่เราจะมาได้พักนึงแล้ว เพราะไอร้อนขึ้นจากพื้นถนนตลอดทาง มองไปข้างทางเห็นเมฆลอยบนไหล่เขาเป็นก้อนๆ สวยดี ถึงจุดพักริมทางที่เค้าให้ถ่ายรูปก็ลงมาถ่ายรูปกับต้นไม้และเมฆที่ลอยผ่านมา และไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว ระหว่างที่ถ่ายรูปกันก็มีผีเสื้อตัวเล็กมาตอมตัว ตอมหัวเราเต็มเลย เกาะแบบไม่กลัว ไม่ยอมไปไหนด้วยนะ เลยได้ถ่ายรูปมันเก็บไว้เลย หลังจากถ่ายรูปเสร็จก็เดินทางต่อ จุดมุ่งหมายเราคือ น้ำตก เหวอะไรซักอย่าง อันไหนใกล้ ไปอันนั้นแหละ เพราะรู้ว่ามา เหวสุวัต และเหวนรก


ระหว่างขับรถไปมองไปข้างหน้า ซ้ายมือเป็นทุ่งหญ้าเขียวๆ ขวามือเป็นหนองน้ำสวยมาก มองไปเห็นรถตู้จอดอยู่ แล้วเห็นผู้คนประมาณเจ็ดแปดคน แต่ละคนถือกล้องโปร อยู่ในทุ่งหญ้ามั่ง อยู่ข้างทางมั่ง กำลังมุดๆ อยู่แถวหนองน้ำมั่ง มองๆ ก็พากันคุยกันในรถว่าพวกนี้มันทำอะไรกันว่า ตั้งหน้าตั้งตาถ่ายรูปกันเป็นเรื่องเป็นราวมาก ในใจก็คิดถึงไอ้ปุ๋ย รถตู้ทริปถ่ายรูป และแล้วสายตาก็หันไปเจอ เอ๊ะใครคุ้นๆ อ้าวไอ้ปุ๋ยนี่หว่า รีบบอกพี่บิ้น จอดๆ ไอ้ปุ๋ยๆ ขอไปทักมันหน่อย พี่บิ้นจอดปุ๊บรีบกระโดดลงรถพร้อมตะโกนเรียกปุ๋ยๆๆ มันทำหน้าแปลกใจ คิดว่ามันคงตกใจเรามากกว่าที่ตามไปหลอกหลอนมัน เพราะอยู่ในออฟฟิศเวลาเรียกชื่อปุ๋ย ที่ไร มันต้องมีอะไรให้มันทำ หรือให้มันแก้ทุกทีเลย มีพี่คนนึงในทริปปุ๋ยตะโกนมาถามว่ามีที่พักหรือยัง เพราะเห็นปุ๋ยบอกว่าจองไว้ 30 คน แต่มากันแค่ 8 ที่พักเหลือเฟือเลย แต่เรามีที่พักกันแล้วเนี่ยดิ ไม่งั้นไปพักด้วยนะนั่น พักบ้านพักอุทยาน คงได้บรรยากาศป่าดี หลังจากคุยกับปุ๋ยได้ซักพักชักภาพสี่ห้ารูป มันก็บอกให้รีบไปเพราะฝนตั้งเค้ามาแล้วเดี๋ยวจะอดเที่ยวน้ำตก


พอขับรถไปถึงน้ำตกเหวสุวัตปุ๊บฝนก็ลงมาทันทีแต่ไม่หนักปรอยๆ ไอ้ที่ห่วงคือกล้อง คนนะใส่หมวกแล้วก็ไปได้ ก็เลยทั้งใส่หมวก กางร่มให้กล้องเดินไปน้ำตก เที่ยวมันทั้งแฉะๆ งั้นแหละ เดินกางร่มไปถ่ายรูปไป ปืนก่อนหินไปพร้อมกะร่มและกล้อง ลำบากดีพิลึก แต่ก็หนุกดี ไหนๆ ก็มาแล้วนี่  อ้อ ถ่ายรูปผีเสื้อมาด้วย ผีเสื้อใบไม้ ตัวมันเหมือนใบไม้ไม่มีผิด ตอนแรกคิดว่าเป็นใบไม้จริงๆ นะ ถ้ามันไม่บินให้ดูก็ไม่เชื่อว่ามันเป็นผีเสื้อ หลังจากถ่ายรูปจนพอใจแล้วก็เดินขึ้นมาถ่ายรูปกับป้ายน้ำตกด้านบน ขณะเดินกลับรถ เราเดินรั้งท้ายสุด รู้สึกเหมือนมีอะไรเย็นๆ ติดที่เท้าก้มลงดู อ่ะจ๊ากกกกกกกกกกกกกก ทากครับพี่น้อง ทำงัยดี สบัดเท้าสุดแรงเกิดไปสามทีมันหลุดไปกองพี่พื้น แล้วเราก็ร้อยยี้ๆ สำรวจทุกซอกทุกมุมของเท้าคนที่เดินผ่านมา ก็ทำหน้าแปลกใจกันหมดว่ายัยคนนี้มันเป็นอะไรของมัน ไม่สนแล้วกลัวนี่หว่า หลังจากสำรวจไม่เจอทากแล้ว ก็วิ่งไปสมทบคนอื่นๆ ที่รถ แล้วก็พากันเดินไปที่ร้านขายของซื้อน้ำมาดื่มกัน


ขณะที่ยืนคุยกันอยู่น้องผู้ชายที่ไปด้วยซื้อศักดิ์ ก็รู้สึกคันๆ ที่ขา ก้มไปดูเจอทากเกาะอยู่ กำลังดูดเลือดอย่างเพลิดเพลิน น้องมันก็ไม่กล้าดึงออกเพราะเกลัวเลือดไหลไม่หยุด มีพี่คนนึงมากับฝรั่งเดินมาคว้าปั๊บดึงปึ๊ดออกมา ดีนะมันเพิ่งกัด เลือดก็เลยยังไม่ไหลออกมา ซักพักฝนหยุดตกก็พากันเคลื่อนขบวนไปน้ำตกกล้วยไม้ซึ่งตอนขามาไม่ได้แวะ ก็เลยกะว่าจะแวะก่อนกลับ พอถึงทางเข้าจอดรถเสร็จ เดินข้ามสะพานไม่ไปแค่ 5 ก้าว พี่บิ้นเดินนำ ไปก่อน แล้วเราเดินตาม ตาเหลือบไปเห็นตัวทากกระดึ๊บๆ อยู่ น้องสาวยี้วิ่งกลับรถก่อนเป็นคนแรก 4 คนที่เหลือ ใจก็อยากดูน้ำตก อีกใจก็กลัวทาก แต่คนอื่นยังมองไม่เห็นตัวทากกัน เพราะไอ้ตัวทีเราเห็นมันไปไหนแล้วไม่รุ้ คนอื่นยังไม่เห็นก็ก็ยังไม่กลัว หลังจากยืนปรึกษากันอยู่ ยี้ก็มองไปเห็นทากตัวนั้นเข้าก็เลยพากันหันหลังกลับ หันหลังปุ๊บ มองไปเห็นขาศักดิ์ ทากตัวยาวๆ กำลังกระดึ๊บๆ ขึ้นขาพอดี รีบวิ่งกลับกันหมดเลยทีนี้

พอมาถึงรถทุกคนก็ยืนสำรวจตัวเองกันใหญ่ทุกซอกทุกมุมของเท้า แต่ศักดิ์มันก็ยังใจเย็น ยืนเฉย หลังจากเราสำรวจตัวเองจนมั่นใจแล้ว ก็เลยหันไปสำรวจคนอื่นเริ่มจากศักดิ์ ตัวน่าสงสัยสุดๆ มองไปที่ง่ามเท้าเจอ 1 ตัวมันก็ดึงออกมาทิ้งหน้าตาเฉย เสร็จแล้วก็พากันล้มเลิกความตั้งใจจะเดินน้ำตกขึ้นรถกลับ หลังจากออกรถมาได้ 50 เมตร เสียงกรี๊ดลั่นรถ พี่บิ้นเลยต้องเบรคกระทันหัน ทากออกมาชูคอที่ขาน้องสาวยี้ เลยต้องให้ศักดิ์หยิบปาออกนอกหน้าต่างไป หลังจากเจอทากตัวนั้นทุกคนไม่เป็นอันทำอะไร นั่งก้มๆ เงยๆ ตลอดทาง ยกเว้นคนขับ มั่นใจมากว่าไม่มีทากมาด้วยแน่ๆ


หลังจากขับมาได้ซักพักตรงที่เดิมที่เจอปุ๋ย มีนกตัวสีฟ้าสวยมากเกาะที่ป้ายข้างทาง ก็เลยจอดรถกะจะลงมาถ่ายรูปนก ขณะที่เดินย่องๆ กันไปนั้น มีรถขับผ่านมาอย่างรวดเร็วป้าดดดดดดดด นกบินไปซะงั้น ได้เวลาสำรวจทากรอบสอง ทีนี้พี่บิ้นชักเริมไม่มั่นใจ ถอดรองเท้าออกมาสำรวจมั่ง มีแอบกลัวเหมือนกันแฮะ แต่ทำนิ่ง ไหนๆ ก็จอดแล้วก็เลยถ่ายรูปแถวๆ นั้นซักพักก็ขับรถออกจากเขาใหญ่เพื่อไปกินข้าวเย็นที่ร้านสวนไม้เมืองพร เป็นร้านแนะนำเลยที่ทุกคนควรต้องไป เพราะบรรยากาศร้านสวยมองเห็นวิวของเขื่อนลำตะคอง ถ้าวันไหนไม่มีเมฆฝนมาบังก็จะได้เห็นพระอาทิตย์ตกเขาด้วยเคยไปเห็นตอนไปครั้งแรกสวยมาก


แต่ครั้งนี้ไปถึงดูๆ แล้วพระอาทิตย์ยังไม่ตก แต่เมฆเต็มฟ้าเลย ก็เลยไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ตกเขา อาหารที่นี่รสชาดใช้ได้ ไม่ถือว่าอร่อย จะว่าไปแล้วอาหารแถวนี้ไม่มีอะไรเป็นจุดเด่นเลย พื้นๆ มาก พื้นที่ก็มีเอกลักษณ์อยู่นะ เช่น มีการเลี้ยงวัว ก็น่าจะมีเมนูที่ทำจากเนื้อเด็ดๆ แล้วร้านแถวแม่น้ำ ก็น่าจะมีเมนูปลา หรือกุ้งที่อลังและอร่อย เยอะๆ กว่านี้ สั่งอาหารมา 5 อย่าง กินกันเอร็ดอร่อย เสร็จแล้วก็กลับที่พัก



ตอนกลางคืนมีคาราโอเกะชั่วโมงละ 100 ด้วยถ้าใครจะไปร้อง ตอนแรกกะจะพากันไปร้อง พอเข้าไปในห้องได้ยินเสียงเพลงดังมาบวกกับกินกินอิ่มมากไปหน่อย ถึงห้องก็หนังตาหย่อน อาบนำเสร็จดู AF ไปได้แค่ 2 เพลง ก็หลับซะแล้วจบไป 1 วันก็ทริปเขาใหญ่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น