วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

Hong Kong 1st Day Aug 20, '07 5:19 AM สำหรับ ทุกคน

ซื้อแพ็คแก็จ 5 คืน 4 วัน เตรียมไว้เกือบเดือน ราคา 14,000 บาท เป็นแบบตั๋วเครื่องบินไปกลับ โรงแรม รถรับส่ง และแถมซิตี้ทัวร์ให้ครึ่งวัน วันเดินทางตื่นตั้งแต่ก่อนตีห้า นัดศักดิ์มารับตอนตีห้าสี่สิบ เครื่องออก 8.20 บินคาเธย์ อาหารบนเครื่องมีให้เลือกเป็นข้าวกับปลา อีกอย่างเป็นก๋วยเตี๋ยว เลยเลือกเป็นก๋วยเตี๋ยวหน้าตาเหมือนผัดซีอิ๊ว แต่ตามท้องถนนบ้านเราอร่อยกว่าเยอะ พอเครื่องแตะพื้นปุ๊บเค้าลงของความไม่สนุกเริ่มปรากฏมาให้เห็นที่เกาะที่หน้าต่างเป็นเม็ดๆ ฝนนั่นเอง ตกต้อนรับเลยเหรอกว่าจะผ่าน ตม. มารับกระเป๋าออกมาก็ปาเข้าไปเที่ยงกว่าๆ ตรง ตม. คนเยอะมาก เค้าบอกให้ออกมาทางปรตตู B เพราะมีเจ้าหน้าที่ของบริษัท Prince Travel มารอรับอยู่ ออกมาไม่เห็นมีใครชูป้ายเลย ยืนทำหน้าเหรอหราซักพักก็มีคนมาถามแล้วก็เรียกไปรับรายละเอียดเกี่ยวกับการนัดหมาย แล้วให้ไปนั่งรอรถมารับ กว่าจะรอมาให้ครบทุกคนก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายสอง ระหว่างรอก็ไปซื้อ Octopus Card เอาไว้สำหรับเดินทางระหว่างอยู่ฮ่องกงห้าวันนี้ และแล้วเค้าก็พาไปขึ้นรถบัสคันเล็กๆ เค้าพาทยอยไปส่งแต่ละโรงแรม กว่าเราจะเช็คอิน เข้าห้องน้ำห้องท่าอะไรเสร็จก็ปาเข้าไปสี่โมงกว่าๆ เกือบหมดไปอีก 1 วัน โดยที่ยังไม่ได้ไปไหนเลย

เย็นนี้ก็เลยรีบออกจากโรงแรมเดินไปที่สถานี MTR Jordan ซึ่งใกล้ที่พักเราที่สุดเดินแป๊บเดียวเอง พักที่โรงแรม Mayfair Garden ห้องเล็กไปหน่อย แต่ก็สะอาดสะอ้านดี ไม่ได้อะไรมากแค่ซุกหัวนอนๆ วันก็คงตะลอนๆ เที่ยวไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตอยู่ในโรงแรม นั่งรถไฟไปลงสถานีจิมซาจุ่ย ออกทางประตู D เจอเซเว่นเดินไปได้นิดนึงไปสะดุดตากับเมนูอาหารวางอยู่บนซอกตึกที่มีบันไดลงไปด้านล่าง ดูราคาและหน้าตาอาหารก็น่ากินดี ก็เลยตัดสินใจเดินลงไปกินกัน คนรับออเดอร์ก็ดันพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่พอก็เอาเมนูเป็นภาษาอังกฤษมาให้เราดู ได้บะหมี่คนละชามก็ชี้ๆ ตามรูปในเมนู พร้อมกับสั่งเกี๊ยวมาอีกชาม ก็คิดว่าชามเล็ก ปรากฏว่ามาถึงชามใหญ่มาก กินเสร็จเล่นเอาพุงกางไปเลย ดูเหมือนร้านนี้จะมีแต่คนแถวๆ นี้มากินกัน ไม่น่าจะมีนักท่องเที่ยวหลงลงมากมากมาย




 

กินเสร็จเดินต่อไปอีกหน่อยเป็นร้านขายกล้องและอุปกรณ์ถ่ายภาพ จริงๆ พี่บิ้นตั้งใจจะมาร้านนี้เพื่อซื้อขาตั้งกล้องไปถ่าย Symphony of Light ค่ำนี้ ร้านนี้กล้องเยอะมาก อุปกรณ์ก็เยอะสุดๆ ทั้งขาตั้งกล้อง เลนส์ กระเป๋า พวกที่ชอบถ่ายรูปเข้าไปร้านนี้ต้องอยู่ได้นานเลย เหมือนตาโรบิ้นของเรา แต่ก็ไม่เห็นได้อะไรมา จากนั้นก็เดินย้อนกลับไปทางเดิม ฝนเริ่มตกลงมาหนักขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่ตกปรอยๆ อยู่ก่อนแล้ว ก็เลยแวะเข้าห้างเล็กๆ ห้างนึงขึ้นบันไดเลื่อนไปเจอร้านชื่อ Sasa ขายประเภทเครื่องสำอางน้ำหอม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพความงามต่างๆ เหมือนร้าน Boots หรือ Watson บ้านเรา จะเห็นทั้วไปตามท้องถนน หรือตามห้าง แต่ที่นี่มีน้ำหอม เครื่องสำอางแพงๆ ทุกยี่ห้อง ไม่ว่าจะเป็น เอสเต้ ลังโคม คลีนิค แต่ละอย่างสามารถดู ดม ทดลองได้หมดไม่ค่อยมีพนักงานมาคอยกวนใจ นอกจากเราจะเรียกมาถาม ไม่เหมือนบ้านเราเก็บไว้ในเคาน์เตอร์ซะอย่างดี จะดูจะดมแต่ละอย่างพนักงานต้องมาคอยหยิบคอยแนะนำให้ไม่ชอบเลย ก็ได้แต่ดูๆ ดมๆ ไปก่อน ยังไม่คิดจะซื้อเพราะเพิ่งจะไปถึงวันแรกเอง ต้องสำรวจตลาดก่อน แต่ก็เล็งครีมอาบน้ำวาสลีนขวดเบ้อเริ่มกะจะเอาไปใช้ที่แรงแรม เพราะมันถูกเอามากๆ เลย ขวด 250 มิล คิดเป็นเงินไทยไม่ถึง 45 บาท เป็นบ้านเราก็ร้อยกว่าบาทโน่นแหละ


เดินขึ้นไปอีกชั้นขายพวกเสื้อผ้า ของเล่น แต่ดูแล้วไม่ค่อยมีคนเดินเอาซะเลย ไปสะดุดตาร้านนึงเป็นร้านขายไหมพรม และอุปกรณ์สำหรับถัก เค้าถักตุ๊กตาตัวโตๆ วางโชว์ไว้เพียบเลย เป็นรูป Micky Mouse, Pooh Bear ตัวอะไรต่างๆ เยอะแยะไปหมด เห็นแล้วนึกถึงนู๋หิ่น ก็เลยคว้ากล้องออกมาถ่ายรูป เจ้าของร้านรีบเดินมาบอกว่าไม่ให้ถ่ายรูปมั๊ง พูดเป็นภาาจีนฟังไม่รู้เรื่อง ก็เลยรีบเก็บกล้อง ว๊าา เสียดายได้มารูปเดียว ก็เลยถามเค้าเป็นภาษาอังกฤษกลับไป ก็ทำหน้างงๆ แล้วก็ไปตะโกนเรียกอีกคนจากร้านข้างๆ มาช่วยตอบเรา ก็ได้ความว่า ร้านเค้าขายพวกอุปกรณ์ พวกไหม และรับสอนถักด้วย อืม..น่าสน ถ้ามีที่เมืองไทยก็อยากจะไปเรียนอยู่นะ


จากห้างนี้ก็เดินไปเรื่อยๆ ผ่านหน้าโรงแรมเพนนินซูล่า มีร้าน Louis Vuitton อยู่ด้านหน้าโรงแรม ก็เลยขอแวะเข้าไปดูหน่อย เพราะก่อนมานน้ำฝากดูกระเป๋ารุ่น Neverfull ซึ่งออกใหม่ พอจะเดินเข้าเท่านั้นแหละมันบอกให้รอคิวก่อน รอคนข้างในออกมาก่อนถึงจะเข้าได้ พอเข้าไปเดินหาไอ้กระเป๋ารุ่นที่จะดู ไม่เจอ ก็เลยถามพนักงานได้ความว่ารุ่นนี้ไม่มี ถมาราคาคิดเป็นเงินไทยก็อยู่ที่ประมาณ สองหมื่นหนึ่ง ออกมาจากร้าน ตรงกันข้ามกับโรงแรมเป็น Hong Kong Space Museum ถ่ายรูปไว้คิดว่าเดี๋ยวว่างๆ จะแวะมาดู

 


เดินต่อไปที่ท่าเรือเฟอร์รี่เพื่อรอดู Symphony of Light ไปถึงตอนทุ่ม การแสดงเริ่มตอนสองทุ่ม ก็เลยนั่งจับจองที่ดีๆ เอาไว้ก่อน ยืนถ่ายรูปไปเรื่อยๆ นั่งรอนั่งดูแสงสี ดูเรือฝนก็ตกปรอยๆ ตกๆ หยุดๆ ก็มาถึงแล้ว ก็ต้องรอดู พอการแสดงเริ่มปุ๊บไม่รู้คนมาจากไหน เต็มไปหมด การแสดงวันนี้เป็นภาษากวางตุ้ง ฟังไม่รู้เรื่อง ก็ดูแสงไฟของตึกต่างๆ ฝั่งโน้นเปิดตามเสียงดนตรี พร้อมกับยิงแสงเลเซอร์จากปลายตึกสูงๆ ไปมาๆ ก็ตื่ตาตื่นใจดี การแสดงแค่ครึ่งชั่วโมงเอง ดูเสร็จก็เดินเลาะตามชายฝั่งไปเรื่อยๆ ซึ่งเค้าเรียกว่า Star Avenu จะมีเป็นรูปดาว พร้อมชื่อ รอยประทับมือของดาราดังๆ ของฮ่องกง ตามพื้นที่เราเดินไปตลอดทาง รู้จักใครก็หยุดจอดแวะถ่ายรูป คนเดินกันขวักไขว่เติมไปหมด

 
เดินไปซักพักวักเมื่อยก็เลยเดินกลับโรงแรม ระหว่างเดินกลับผ่านห้างเดิม แวะร้าน Sasa ซื้อครีมอาบน้ำ แล้วมาแวะเซเว่นใกล้โรงแรม ซื้อบะหมี่สองกล่องและน้ำสองขวด เอาไว้กินตอนเช้าโรงแรมแบบ 3 ดาว ไม่แถมอาหารเช้าก็เลยต้องหากินเอง ในห้องเค้ามีกาต้มน้ำไว้ให้ ไม่มีน้ำเปล่าให้ฟรีจะกินที่อยู่ในตุ้เย็นก็ได้ แต่มันแพงกว่าข้างนอก ซื้อที่เซเว่นก็สะดวกดีหาได้ทั่วไป เยอะเหมือนๆ บ้านเราเลยไปที่ไหนก็เจอแต่เซเว่น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น