วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ครอบครัว Dr.Kong : ครอบครัว Dr.Kong


เที่ยงวันเสาร์ที่ผ่านมาเรามีนัดกับ Dr.Kong ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าเป็นใคร เป็นร้านรองเท้าเพื่อสุขภาพน่ะ มีคนรู้จักกันแนะนำมาว่าให้ลองไปตรวจสุขภาพเท้ากันดูสิ ก็เลยพากันไปทั้งครอบครัว รวมถึงเจ้าตัวจิ๋ว โมโม่ ด้วย

                                  แชะรูปหน้าร้านก่อนเข้าไปเลือกรองเท้า

เรานัดกันที่ Fashion Island ชั้น 1 แถวๆ หน้าห้าง Big C ตรงนั้นจะมีร้านรองเท้าหลายร้านติดกันเลย ตรงดิ่งไปร้านนี้เลยค่ะ Dr. Kong พอเดินเข้าไปมีพนักงานน่ารัก และใจดียิ้มแย้มทักทาย พาเราไปรู้จักกับคุณเกรียงไกร พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพเท้า ซึ่งหลายคนมักจะละเลยไม่ใส่ใจ จากนั้นเราก็เริ่มขั้นตอนการตรวจสุขภาพเท้ากัน ด้วยการขึ้นเครื่องวัดเท้ากันก่อน


บรรยากาศภายในร้าน                เครื่องวัดเท้า ตั้งอยู่หน้าร้านเลยค่ะ

เริ่มจากแม่ก่อนเลย พอขึ้นเครื่องปุ๊บเหยียบเท้าลงเครื่องปั๊บ เห็นเลยจะมีสีเขียวจะขึ้นตรงอุ้งเท้าเรา ของแม่จะมีสีเขียวขึ้นแค่ตรงปลายเท้าและส้นเท้า ตรงกลาง และด้านข้างหายไป ปัญหาเรื่องเท้าของแม่คืออุ้งเท้าจะโค้งมาก เวลาเหยียบลงไปที่พื้นคือเอานิ้วมือสอดเข้าไปใต้อุ้งเท้าได้เลย  ทำให้เวลาใส่รองเท้าที่มีพื้นแบนราบ หรือรองเท้าส้นสูงๆ จะทำให้เมื่อยเท้าและเมื่อยขามาก ลักษณะขาของแม่โค้งไปทางด้านหลัง หรือที่เรียกว่าหัวเข่าแอ่น ทำให้เวลายืนนานๆ หรือเดินนานๆ จะทิ้งน้ำหนักไปทางด้านหลัง ปัญหาที่ตามมาคือ ปวดเข่า ปวดหลัง การออกกำลังกายเพื่อลดปัญหาการปวดเข่า ปวดหลัง สำหรับแม่คือ การย่อเข่า เกร็งหน้าขาแล้วนับ 1-10 วันละ 30 ครั้ง ส่วนในเรื่องของข้อเท้าคุณเกรียงไกรบอกว่าข้อเท้าตรงเป็นปกติดีไม่มีปัญหาค่ะ


            อุ้งเท้าโค้ง High Arch Foot                      เข่าแอ่น

การเลือกรองเท้าเพื่อแก้ไขปัญหาเท้าแบบนี้ คือต้องเลือกรองเท้าที่เสริมให้นูนตรงอุ้งเท้า เพื่อให้เราเหยียบเท้าลงไปได้เต็มอุ้งเท้า  ทำให้เวลาเรายืน หรือเดินจะได้สบายเท้ามากขึ้น พอเรารู้ว่ารองเท้าแบบไหนที่เหมาะกับเราแล้วก็ไปเลือกรองเท้าที่ชั้นได้เลย รองเท้าที่นี่มีเยอะจริงๆ ค่ะ มีให้เลือกหลายแบบ สวยๆ ด้วยนะ ใครว่ารองเท้าสุขภาพไม่สวย อันนี้ขอถียงเลยค่ะ มีสวยๆ ให้เลือกเยอะมาก ลองไปหลายคู่จนได้รองเท้าคู่สวย และเหมาะกับเท้าของแม่มาคู่นึง โอ้ววว ใส่แล้วมันสบายเท้าจริงๆ ค่ะ

เสร็จธุระของแม่ ก็ถึงตาของเจ้าหนูมามิขึ้นเขียง เอ้ยยย ขึ้นเครื่องวัดเท้า เจ้าหนูให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ขึ้นไปยืนนิ่งๆ ให้วัดแต่โดยดี วางเท้าลงไปปั๊บเห็นเลยสีเขียวขึ้นมาตรงอุ้งเท้าแบบเต็มเท้าเลย ปัญหาของมามิคือเท้าแบน ปัญหาของคนที่มีลักษณะเท้าแบนคือ ทำให้เดิน และยืนไม่สบาย ไปไหนมาไหนก็จะไม่อยากเดิน จะร้องให้อุ้ม วิธีแก้ปัญหาคือ เลือกรองเท้าที่เสริมอุ้งเท้า ข้อเท้าของมามิจะเอียงเล็กน้อย แต่ไม่ถึงขั้นเป็นปัญหา วิธีแก้คือเวลานั่งให้เค้านั่งขัดสมาธิค่ะ สำหรับสุขภาพเท้าของมามิ แม่ได้รับคำชมว่าดูแลสุขภาพเท้าของหนูได้เป็นอย่างดี เปลี่ยนรองเท้าใหม่ให้หนูเมื่อคู่เก่าคับแล้วค่ะ

เท้าแบน


                                              ข้อเท้าเอียงเล็กน้อย

เวลาเลือกรองเท้า เริ่มจากวัดความยาวของเท้า ซึ่งต้องยืนวัดเท้า เพื่อให้เท้าได้ขยายเต็มที่ถึงจะได้ขนาดที่แท้จริงของเท้า อย่างของมามิถ้านั่งวัดขนาดเท้า จะได้ 15 cm แต่ถ้ายืนจะเพิ่มขึ้นมาอีกครี่งเซนต์ มามิเลือกได้รองเท้าผ้าใบสีชมพูแบบหุ้มข้อเท้านิดนึง เพื่อช่วยในการทรงตัวเวลาเดิน ถูกใจมากๆ เลยค่ะ พอดีไม่ได้เตรียมถุงเท้าไปด้วย ก็เลยได้ถุงเท้า Antibacterial มาอีก 1 คู่ค่ะ ใส่แล้วไม่มีกลิ่นอับ เท้าไม่เหม็นด้วยค่ะ

วัดความยาวของเท้าก่อนเลือกรองเท้า

หลังจากแม่และมามิได้รองเท้าที่ถูกใจแล้วก็ถึงตาของปะป๊าแล้ว ปัญหาของปะป๊าเป็นเหมือนกันกับมามิคือ เท้าแบน จนคุณเกรียงไกรแซวว่า มามิได้พ่อมานี่เอง รองเท้าที่ปะป๊าใส่อยู่นั้นใส่สบายอยู่แล้ว แค่ใช้แผ่นเสริมรองรับอุ้งเท้า Universal Flatfoot มาสอดใต้เท้าเท่านั้นเอง ทำให้น้ำหนักเท้าไม่กดมาที่นิ้วโป้ง แค่นี้ก็รู้สึกสบายเท้าขึ้นมาเลย ปะป๊าแฮปปี้มากๆ เลย

         รองเท้าคู่สวยของมามิ                    ได้รองเท้าใหม่คนละคู่ค่ะ


มาดูกันชัดๆ นะคะ

อ๊ะ อ๊ะ อย่านะ ยังเหลือเจ้าตัวเล็กอีกคน วันนี้พาโมโม่น้อยมาด้วย เป็นครั้งแรกที่เรา 4 คนออกจากบ้านพร้อมกัน ถึงแม้จะไม่มีรองเท้าจิ๋วสำหรับเด็ก 2 เดือนแบบโมโม่ แต่…ก็ได้เป็นถุงเท้า Antibacterial มา 3 คู่ค่ะ เด็กเบบี๋จะชอบถีบขา ขาและเท้าจะเคลื่อนไหวตลอดเวลา ไม่ว่าจะใส่ถุงเท้าคู่ไหน ใส่ได้แป๊บๆ หลุดออกมาตลอด กลางคืนต้องคอยตื่นมาดู แล้วก็ใส่ใหม่ ใส่แล้วใส่อีก วันละหลายรอบเลยแหละ ข้อดีของถุงเท้า Dr.Kong คือ ต่อให้ถีบเก่งแค่ไหน ไม่มีหลุดค่ะ


                      น้องโมโม่ก็ได้ถุงเท้ามา 3 คู่ ใส่กลับบ้านเลยเหมือนกันค่ะ

หลังจากนั้นก็นั่งพูดคุยกับคุณเกรียงไกร เรื่องเด็กที่มีปัญหาเรื่องเท้าส่วนใหญ่ จะไปหาหมอที่โรงพยาบาล เพื่อวัดเท้า ตัดรองเท้า ซึ่งต้องรอเป็นเวลานานกว่าจะได้พบหมอ กว่าจะได้รองเท้ามา 1 คู่ แพงด้วย แถมรองเท้าที่หมอตัดให้ก็เป็นแบบธรรมดา สีดำ สีน้ำตาลไม่สวยเลย และเด็กบางคนมีปัญหาเรื่องเท้า แต่พ่อแม่ละเลย เพราะคิดว่ารองเท้าดีๆ นั้นราคาแพง ซื้อให้ใส่ไปก็ไม่คุ้ม ก็เลยอยากจะบอกกับพ่อๆ แม่ๆ ว่าลองพาลูกมาที่ร้าน มาพูดคุยกับพนักงานที่ร้านดูก่อนค่ะ ทางร้านจะมีข้อแนะนำดีๆ ให้ค่ะ ถ้าชอบก็ลองเลือกซื้อไปซักคู่นะคะ รองเท้าของ Dr. Kong ทุกคู่ออกแบบโดยแพทย์ผู้ชำนาญเกี่ยวกับเรื่องกระดูกค่ะ

ตอนนี้เค้ามีโปรโมชั่นพิเศษต้อนรับเปิดเทอมด้วยนะ ติดตามรายละเอียดได้ที่นี่นะคะ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=dr-kong&date=25-04-2012&group=3&gblog=29

สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรองเท้าสุขภาพ ปัญหาสุขภาพเท้า และการดูแลเท้า หรือกำลังหารองเท้าสุขภาพดีๆ ซักคู่ เข้าไปเยี่ยมชม เว็บไซต์ของ Dr.Kong ได้ที่ : http://www.dr-kong.in.th หรือที่ Facebook : http://www.facebook.com/DR.KONGFOOTCARE ค่ะ

สำหรับมามิแล้วสงสัยต้องโดนอีกคู่ แต่เป็นรองเท้านักเรียนนะ เพราะตอนนี้มามิกำลังเปิดเทอม จะได้ใส่ไปโรงเรียนทุกวัน จะได้เดิน ได้เล่น ได้ออกกำลังมากขึ้น ที่สำคัญจะได้ไม่ร้องให้อุ้ม สบายพ่อ แม่


      โชว์รองเท้าคู่ใหม่ให้นานะดู             ถ่ายรูปคู่กับหนุ่มหล่อที่มาให้ความรู้กับเรา

ถามว่าซื้อรองเท้าแฟชั่นสวยๆ ในเน็ตให้ลูกไม๊ ? ซื้อค่ะ
ซื้อรองเท้าตามเต้นท์ ตลาดนัด และข้างทางให้ลูกใส่ไม๊? ซื้อให้ใส่ค่ะ

ก็เหมือนกับแม่ๆ ที่มีลูกสาวทุกคนแหละค่ะ เห็นรองเท้าคู่ไหนสวย เริ่ด ถูกใจ ไม่ว่าจะจากแหล่งไหน ราคาถูก ราคาแพง สอยมาหมด รองเท้าสวยๆ เอาไว้ใส่เดินห้างเฉิดฉาย เดินแค่แป๊บๆ ไม่ได้ไปลุยอะไรมากมาย แต่ถึงเวลาต้องลุย เวลาที่เท้าต้องรับบทหนัก…ก็จะไม่ลืมเลือกรองเท้าดีๆ ไว้ให้ลูก ซักคู่ หรือสองคู่ ให้เค้าเวลาต้องไปออกกำลัง เช่น วิ่งเล่น ปั่นจักยาน หรือวันไหนที่ต้องไปเดินไกลๆ เพราะสุขภาพเท้าเจ้าตัวเล็กก็สำคัญ เมื่อเค้าต้องใช้งานมันหนักก็ควรจะเลือกรองเท้าที่สวมใส่สบายที่สุด ราคาอาจจะสูงนิดนึงแต่เมื่อมองไปในระยะยาว ใช้ได้ทน ใช้ได้นานก็เกินคุ้มค่ะ

ได้โอกาสออกจากบ้านพร้อมหน้าทั้งทีขากลับเลยแวะหาอาม่าที่บ้านลาดพร้าวซะเลย หลังจากที่ไม่ได้มานานมาก พอมาถึงมามิอยากไปว่ายน้ำ แต่ไม่ได้เตรียมชุดว่ายน้ำมาให้ ก็เลยให้เปลี่ยนกางเกงไปเล่นสไลเดอร์ที่สนามเด็กเล่นแทน สวมรองเท้าคู่ใหม่ไปวิ่งเล่นกับพี่ๆ สนุกสนานเลย พอตอนจะกลับบ้านปะป๊าหยิบรองเท้าใหม่ไปเก็บที่รถ พอจะเดินออกจากบ้านมามิถามใหญ่เลย รองเท้าผ้าใบหนูหายไปไหน? ท่าทางจะชอบจริงๆ มันใส่สบายใช่ไม๊ล่ะ


มามิจะชอบให้แม่พาเดินไปเซเว่น พาเดินไปตลาดนัด เวลาได้เดินจับมือเคียงข้างไปกับแม่ มามิจะมีความสุขมาก แม่รับรู้ได้เมื่อเวลาที่แม่เดินจูงมือหนู หนูจะเงยหน้าขึ้นมามองสบตาแม่แล้วยิ้มอย่างมีความสุข หนูจะคอยเงยหน้าขึ้นมาสบตาแม่แล้วยิ้มให้ตลอดทาง รอยยิ้มนั้นประทับใจแม่จริงๆ  แต่ละย่างก้าวที่เค้าเดินไปพร้อมกับเรานั้นเราก้าวเท้าไป 1 ก้าว เจ้าตัวเล็กต้องสาวเท้า 2-3 ก้าวเพื่อให้เดินเคียงข้างไปกับเราในทุกที่ อยากให้หนูเดินเคียงข้างแม่แบบนี้ตลอดไป
                               

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ทริปวังน้ำเขียวกับมามิผู้กลัวหญ้า Mar 3, '10 11:34 AM

วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ นัดกันเก้าโมงครึ่งออกเดินทางไปวังน้ำเขียว ปลุกมามิตื่นตั้งแต่หกโมงครึ่ง กินข้าว แต่งตัวเตรียมตัวพร้อมจะออกจากบ้าน ปรากฏว่าอาโกวโทรมาบอกว่าขอเลื่อนเป็นเที่ยง เพราะเฮียกันต้องไปทำกิจกรรมที่โรงเรียน ก็เลยต้องมานั่งเล่นนอนเล่นรอกันอยู่


จับมามิเข้านอนตอนสิบเอ็ดโมง ให้หลับ 1 ชั่วโมง พอมามิตื่นก็ได้เวลาออกเดินทางรถมารอหน้าบ้านพอดี ผู้ร่วมทริปครั้งนี้แปดคนเป็นชุดเดิมที่ไปทริปเหนือกันเมื่อปลายปี นั่งรถไปได้ซักครึ่งชั่วโมง มามิเริ่มหิวพูดหม่ำๆ ก็เลยต้องป้อนข้าวกันบนรถ นั่งด้นหลังสุดของรถตู้ ปะป๊าเป็นคนป้อน แม่เอามามินั่งตักป้อนข้าวไปกระเด้งกระดอน หัวสั่นหัวคลอนไปมา น่าเวียนหัว เล่นเอาปะป๊าเกือบอ้วกกันเลยทีเดียว

ระหว่างทางแวะกินข้าวข้างทางจำชื่อร้านไม่ได้ละ แต่รู้ว่าข้าวเหนียวมะม่วงเค้าขึ้นชื่อมากๆ ได้รับรางวัลกันเลยทีเดียว เห็นมะม่วงสุกกองเป็นภูเขา ข้าวเหนียวเป็นถาดๆ เต็มไปหมด อากาศร้อนมากจนมามิแก้มแดงเป็นลูกตำลึงเลย กินข้าวเสร็จเดินทางต่อไปยังที่พัก วิ่งไปเส้นทางเขาแผงม้า


พูดถึงวังน้ำเขียว มามิเคยมาครั้งนึงตอนอยู่ในท้องได้ห้าเดือน ตอนนั้นไปพักที่ ณริสาเพลส ประทับใจมากๆ วิวสวย ต้นไม้ร่มรื่น อากาศเย็นถึงหนาว เช้าๆ มีหมอกลงด้วย ไปคราวนี้ก็หวังว่าจะได้เจอบรรยากาศแบบนั้นอีก เลยเตรียมเสื้อกันหนาวไปด้วย

ผลปรากฏว่าไม่เป็นไปตามคาด ไปถึงที่พักใกล้จะค่ำแล้ววางกระเป๋าเสร็จก็ออกมาเดินเล่น ดูบรรยากาศรอบๆ ถ่ายรูปกัน รีสอร์ทที่เราพักชื่อ The living hill บรรยากาศโดยรอบเป็นภูเขาหัวโล้น มองไปลูกไหนก็แล้งๆ ไม่มีต้นไม้ใหญ่ๆ เลย ที่พักติดๆ กันนั้นก็เป็นบ้านเขากบที่โด่งดัง ที่คนมารีวิวกันที่พันทิพนั่นเอง


เดินเล่นกันจนค่ำก็ไม่มีทีท่าว่าจะหนาว มีแค่ลมเย็นๆ โชยมาแค่นั้นเอง หลังจากเดินเล่นกันเสร็จกลับเข้าที่พักเพื่อเตรียมตัว ออกไปกินมื้อเย็นกัน พอกำลังจะออกจากบ้านเท่านั้นแหละไฟดับ แล้วไม่ใช่ดับแค่รีสอร์ทเราที่เดียว ดับทั้งเขาแผงม้าเลยก็ว่าได้ เพราะขับรถออกมาจากเส้นเขาแผงม้ามืดมิดมาตลอดเส้นทาง พอไฟดับแล้วมืดมิดแบบนี้แล้วมันช่างน่าอึดอัดจริงๆ เลย

กลุ่มของเรานี่ช่างมีอาถรรพ์ ไปถึงปายวันแรกก็เจอไฟดับทั้งเมือง ตอนกำลังจะออกไปกินมื้อเย็นเหมือนกัน ขับรถไปกันจนถึงตรงที่มีไฟฟ้า เตี๋ยก็พาไปกินร้านอาหารร้านนึงจำชื่อไม่ได้อีกเหมือนกัน  รสชาดอาหารก็งั้นๆ สู้ครั้งแรกที่สั่งมากินที่ณริสาเพลสไม่ได้จริงๆ ทานข้าวเสร็จกลับถึงที่พักก็ไฟมาพอดี เข้าที่พักอาบน้ำนอนเปิดพัดลมกันทั้งคืนเพราะไม่มีแอร์ อากาศก็ไม่หนาวด้วย


ตื่นเช้ามาลมพัดเย็นๆ พอชื่นใจแต่ไม่หนาว รีบลุกขึ้นมาเดินเล่นแต่เช้า เก็บรูป เก็บบรรยากาศยามเช้าอีกครั้ง เพราะกลัวว่าสายกว่านี้จะร้อน แล้วก็เป็นไปตามคาด พอสายมาหน่อยร้อนมากๆ ทั้งร้อนและแล้งแดดแรงมากมาย

ก่อนกลับก็พามามินั่งเล่นสนามหญ้าข้างบ้าน จับมามิถอดรองเท้าเดินกับหญ้า หดขาขึ้นทันทีแล้วร้องจ๊ากเสียงดังโวยวาย มามิเคยเดินสนามหญ้าก็บ่อยแต่ไม่เคยถอดรองเท้า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ถอดรองเท้าแล้วให้เหยียบหญ้า ไม่ยอมเอาเท้าแตะเลย พ่อกับแม่เลยแกล้งหนูแล้วอัดคลิปเอาไว้ด้วย ดูทีไร ฮาทุกที


ออกจากที่พักประมาณเที่ยง ขับตรงไปยังฟาร์มโชคชัย ด้วยความหวังว่าจะไปกินเสต็กแสนอร่อยที่นั่น  ถึงตอนบ่ายสองพอดี ทุกคนหิวซกๆ แต่โอ้โห้แม่จ้าวววคนมาจากไหนเยอะมากกกก แล้วคิวยาวมากๆ ก็วันหยุดยาวนี่นา รอไม่ไหวก็ได้ไอติม และขนมตรงร้านข้างหน้ารองท้องกันไปก่อน เสร็จแล้วก็ขับรถมาที่ร้านเสต็กครูต้อ อาหารพอกินได้ แต่ไม่มีแอร์อากาศร้อนมากๆ จนมามิงอแง ร้อนจนแก้มแดงแปร๊าดด ไม่ยอมกินข้าวกันเลยทีเดียว กินเสร็จก็ ขับรถตรงดิ่งกลับบ้านเลย


สรุปทริปนี้ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ ไว้แม่ลาพักร้อนพาหนูไปเหยียบทรายเล่นที่หัวหินซักสามสี่วันดีกว่า ร้อนๆ แบบนี้ทะเลดีที่สุด ^_^



ทัวร์ห้างดังตามหารูปพรีเซนเตอร์ Shelter&Yolk Feb 16, '10 5:43 AM


วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาหลังจากมามิกินข้าวเสร็จก็พากันไปไหว้พระที่วัดไตรมิตร โบกตุ๊กๆ จากหน้าบ้านไปใกล้นิดเดียว จริงๆ เดินไปก็ไม่ได้ไกลมาก ไปถึงคนก็เยอะแดดก็ร้อน แอบบ่นในใจวัดอะไรไม่มีต้นไม้เลย แถมทำบันไดสูงขึ้นไปเสียดฟ้าอีก ไหว้พระเสร็จก็เดินกลับบ้านเลย กลับมาถึงบ้านแสบตัวไปหมด เพราะเหงื่อออกท่วมตัวเลย


ที่พารากอนมี 2 รูป

ถึงบ้านก็ได้เวลานอนกลางวันของมามิปกตินอนแค่ครึ่งชั่วโมง นอนยาวเลยวันนี้คงเพลียแดดแน่ๆ เลย พอมามิตื่นนอนก็ได้เวลากินข้าวกลางวัน กินเสร็จก็ขับรถออกจากบ้านตรงไปพารากอนไปเจอรถติดนิ่งเลย กลับรถไปเซ็นทรัลชดลม ก็ไปเจอรถติดเหมือนกัน แต่กลับรถไม่ได้แล้วต้องไปต่อไป

ไปถึงเซ็นทรัลชิดลม ตรงไปแผนกเด็ก ไปดูที่เคาท์เตอร์ Shelter ปรากฏว่าไม่มีรูปมามิ รีบออกจากห้างไป BTS ต่อไปที่ เอ็มโพเรี่ยม ที่นี่รู้อยุ่แล้วว่ามีเพราะแม่น้องแม็กซ์ถ่ายรูปไปฝากที่ Facebook แล้วเป็นรูปคู่กะน้องแม็กซ์ ไปถึงก็ตรงดิ่งไปถ่ายรูปกับป้ายเลย พนักงานมองๆ เห็นว่าเราไม่ซื้อชุดเค้าแล้วมั๊งก็เลยไม่สนใจเดินหนีไปซะงั้น




เอ็มโพเรี่ยม

พอถ่ายเสร็จก็กลับมาขึ้น BTS ไปพารากอน ระหว่างรอรถมามีผู้หญิงคนนึงเข้ามาทักว่าน้องมามิใช่หรือเปล่าคะ คุยกันไปคุยกันมา เป็นคุณแม่น้องพู่กันในชานเรือน คุณแม่บอกว่าติดตามผลงานน้องมามิมาตลอด และชอบดูรูปมามิมากๆ ยอมรับมาว่าหลังๆ ไม่ค่อยได้ไปคุยในชานเรือนเลยค่ะ

ไปถึงที่พารากอนมีรูปมามิรูปใหญ่และสวยเลย ปากจู๋ชอบมากๆ อีกรูปนึงอยู่ในกรอบรูป มามิไม่สนใจรูปตัวเองหรอก สงสัยจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นตัวเอง เพราะใกล้ๆ กันนั้นมีเครื่องเล่นเยอะเลย มีโดเรม่อนตัวมหญ่ มามิก็ชี้ร้องม่อนๆ จะไปเอาม่อนให้ได้ ว่งวนไปมาๆ ไม่ยอมกลับ ไม่ยอมให้อุ้มด้วย ซนสุดเลย


ที่เซ็น : เซ็นทรัลเวิลล์

จากพารากอนก็นั่ง BTS กลับมาที่ชิดลมอีกทีเหนื่อยมากอยากจะกลับบ้านแล้วล่ะ แต่ไหนๆ ก็ออกมาแล้วก็เลยเดินไปที่เซ็นทรัลเวิร์ลต่อ เพราะที่นี่อาแปะโทรมาบอกว่ามีรูปมามิด้วย เจ้ามามิหมดแรงหลับไประหว่างทางเดินไปเซ็นทรัลเวิลล์ ไปถึงก็ถ่ายรูปเสร็จ

เดินกลับมาที่เซ็นทรัลชิดลมมามิก็นอนหลับซบไหล่ปะป๊ามาตลอด พอมาถึงเซ็นทรัลชิดลมมานั่งเล่นที่ล็อบบี้ในห้าง ว่าจะให้มามิหลับต่อซักพักดันตื่นขึ้นมาซะงั้น เลยขึ้นไปช้อปชุดของ Yolk ที่หนูเค้าให้ใส่ แต่ไม่ได้ถ่ายมา 1 ชุด แม่ชอบชุดนี้มากๆ เพราะใส่แล้วดูอวบขึ้น 795 แน่ะ แพงมากๆ แต่ก็ตัดใจซื้อเพราะมันน่ารักจริงๆ


มามิใส่ถ่ายสองชุดคือชุดทหารเรือของ Shelter  และชุดแซกสีขาวของ Yolk ที่ไปดูมา 3 ห้างเห็นมีแต่ชุดสีขาว ไม่รู้ว่าชุดทหารเรือจะไปโผล่ที่ห้างไหนหนอ

ใครไปห้างไหนเจอฝากแว๊บไปเคาท์เตอร์ของ Shelter, Yolk ด้วยนะคะ เจอรูปมามิรบกวนช่วยถ่ายมาฝากแม่แหม่มหน่อย สาขาไกลๆ บ้าน หรือต่างจังหวัดคงตามไปเก็บภาพไม่ได้แน่ๆ เลยค่ะ

ล่าสุดน้าแอนเก็บมาฝากจากเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะค่ะ สองภาพ




มามิไปมีทติ้งกับเพื่อนๆ บ้านเลขที่ 51 (ตรุษจีนจ้า) Feb 16, '10 3:00 AM

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 ที่ผ่านมา มามิไปมีทติ้งกับเพื่อนๆ มาอีกแล้วครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ของมามิ ครั้งก่อนมามิไม่ได้ไป เพราะตรงกับวันที่ต้องไปรายการหัวใจใกล้กันที่สวนรถไฟ มีทติ้งคราวนี้นัดกันที่ร้านอาหารรถสะเบียง อยู่ด้านหลังสถานีรถไฟสามเสน ใกล้ๆ บรรยากาศที่ร้านดีมากๆ อาหารอร่อยด้วย ขอบคุณมี้กุ้งที่สรรหาร้านอาหารดีๆ ที่มีมุมสวยๆ มาให้พวกเราได้ถ่ายรูปเด็กๆ กัน

เนื่องจากใกล้เทศกาลตรุษจีนพวกมี้ ๆ ก็เลยจับเด็กๆ ใส่ชุดอาหมวย อาตี๋ไปรับอั่งเปาจากมี้กุ้งกัน บรรยากาศวุ่นวายเมือนเดิม คือพ่อแม่แต่ละคนก็วิ่งวุ่นจับลิงที่วิ่งวุ่นวายกัน เป็นมีทติ้งที่พาเด็กๆ ไปเจอกันจริงๆ แทบไม่ค่อยได้คุยอะไรกันมากมาย หรือคนอื่นได้คุยก็ไม่รู้ แต่ตัวมี้แหม่มเอง เหมือนไม่ได้คุยกับใครเลย แย่จัง!!

มามิตอนนี้กำลังเห่อเดิน เดินไปเดินมา ขึ้นๆ ลง ๆ ห้องข้างบนกะห้องข้างล่างตลอดเวลา เผลอไม่ได้เลย เผลอก็ไปตะปบหน้า หยิก จิกหัวเพื่อนๆ คนอื่น เด็กแต่ละคนโตขึ้นมาเยอะเลย เจ้ากั้งพี่ใหญ่ของบ้าน จากติ้งคราวที่แล้วซนสุดๆ ดูสุขุมขึ้น นิ่งขึ้น ยัยตัวเล็กของเรา จากนั่งนิ่งๆ เรียบร้อยสุดๆ เป็นแสบสุดๆ ซะงั้น


มาดูเด็กๆ ที่มาติ้งวันนี้ดีกว่า มีมาทั้งหมด 9 ครอบครัว

เริ่มจากกั้ง พี่ใหญ่ของบ้าน วันนี้นายชิวมากๆ


เงินหยวน หงอยนิดหน่อย แต่ก็น่าร๊ากกก เหมือนเดิม


เงินหยวน เวอร์ชั่นงอแง เพิ่งเคยเห็นครั้งแรก เพราะโดนบังคับกินยานี่เอง


กั๊ตจังคนสวย ตาน้องกั๊ตสวยจริงๆ


น้องเซ้นท์ มาดเค้าดีมากๆ เลยคนนี้ โตขึ้นเยอะเลยอ่ะ โดนมามิหยิกไป 1 ทีด้วย


เจแปน นายไม่มีรูปเดี๋ยวเลยอ่ะ มีแต่รูปคู่กะมามิ หล่อเหมือนพี่ฟิล์มเลย


ข้าวปุ้น เป็นเด็กร่าเริงจริงๆ แดนซ์ให้มี้แหม่มดูด้วย หัวเราะเอิ๊กอ๊าก เลย


น้องแก้ม มี้แหม่มไม่ค่อยได้อยู่ใกล้หนูเลยมัวแต่จับลิง มามิเห็นน้องแก้มทีไรรจะหยิกแก้มทุกทีเลยอ่ะ ป๊าบิ้นบอกว่าหนูพูดเก่งมาก


น้องพราว น่ารักมากๆ ทำท่าปวดหัวได้ด้วย อวบดีจัง อยากให้มามิอวบๆ มั่งจัง ติดแม่น่าดูเลยอ่ะ


สุดท้ายมามิ เด็กหมวยหัวจุกแสนซน


ปิดท้่ายด้วยรูปคู่มามิกะเจแปน และมามิกะเงินหยวน





มามิ สวย เริ่ด ไฮโซ แอบหวานต้อนรับ Valentine ใน Mother&Care Magazine Feb 6, '10 10:58 AM

หลังจากไปถ่ายแฟชั่นกับ Mother&Care ก็ตั้งหน้าตั้งตารอให้ถึงสิ้นเดือนเพราะอยากเห็นผลงานของหนูเอามากๆ เลยแบบว่ามันตื่นเต้นอ่ะ จริงๆ รู้อยู่แล้วว่าวันที่ 1 คงยังไม่ได้เห็นแน่ๆ เพราะหนังสือเล่มนี้เท่าที่เห็นบนแผงมาทุกครั้งจะประมาณวันที่ 3 - 5 ของเดือน

พอวันที่ 2 แม่น้องแมกซ์กับแม่น้องโบร์น่ามาบอกว่าเห็นแล้วน่ารักมากๆ เลยกระตุ้นต่อมอยาก ทำให้อยากเห็นมากขึ้น รีบลงไปดูร้านนายอินทร์ใต้ตึก แผงหนังสือข้างเซเว่นก็ไม่มี ตอนเย็นแวะซีเอ็ดที่จามจุรีย์แสวร์ก็ยังไม่มี เดินคอตกกลับบ้าน

เช้าวันที่ 3 มาถึงออฟฟิศแต่เช้าเพราะมีประชุม ร้านหนังสือก็ยังไม่เปิด มาถึงก็ต้องรีบเข้าห้องประชุม ได้แต่บ่นบ้าใน FB  กว่าจะได้ออกจากห้องประชุมมาก็เที่ยง พอมาเปิด FB แม่แต แม่น้องโบร์น่าทำความเครียด ความอยากเห็น ให้หายไปฉับพลัน

เพราะแม่แตจัดการ scan และอัพขึ้นไปให้ดูใน FB เรียบร้อยทั้ง 5 ภาพเลย ต้องขอบคุณจริงๆ เลยค่ะ นี่แหละการที่ไม่ได้เป็นสมาชิกหนังสือ ทำให้ได้รับหนังสือช้ากว่าใคร แต่...งบน้อยแบบเราอยากจะสมัครอยู่นะ ทุกเล่มดีๆ และน่าอ่านหมดเลย แต่จะเป็นสมาชิกทุกเล่มก็ไม่ได้ ก็เลยต้องไปดูตามแผง เดือนไหนเล่มไหนน่าสนใจ หรือมีลูกเราลงก็ซื้อเล่มนั้น

หลังจากที่ได้รูปที่แม่แต scan มาให้ก็เที่ยวเอาอวดใครต่อใครไปทั่ว ไม่ค่อยจะเห่อเล้ยยย ตอนบ่ายออกจากห้องประชุมก็ไม่วายไปเดินเสาะหาที่ร้าน ที่แผงก็ยังไม่มาอีก ก็รอต่อไป พอได้เห็นแล้วก็ไม่ดิ้นรนกระวนกระวายมากเท่าไหร่

วันที่ 4 พามามิมาออฟฟิศด้วย เข้าตึกมาแวะร้านหนังสือก่อนเลย เอานางแบบไปด้วย ก็ยังไม่มาอยู่ดี พักเที่ยงแวะไปดูอีกก็ไม่มา ที่แผงก็ไม่มา ไปดูที่แผงตรง BTS ก็ไม่มี ถอดใจ มาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นล่ะ

เช้าวันที่ 5 ที่ว่าถอดใจแล้ว เข้าตึกมาก็วิ่งเข้าร้านหนังาสือก่อนก็ไม่มาอีก พักเที่ยงวิ่งเข้าไปอีกที น้องที่ร้านเตรียมไว้ให้แล้ว ตอนแรกกะจะซื้อเล่มเดียวถือเดินดูไปกินข้าว กลับจากกินข้าวแล้วจะมาซื้อเพิ่ม ถามน้องที่ร้านดันบอกว่ามีแค่ 3 เล่มอีกเล่มมีคนจองไว้แล้ว เอาล่ะสิ เลยบอกน้อง งั้นเอามาสองเล่มเลยนะกัน

ได้มาก็หอบไปกินข้าว นั่งกินข้าวไปดูรูปลูกไปมีความสุขจริงๆ พอตอนเย็นๆ แวะไปเอาที่แผงมาอีก 1 เล่ม หิ้วกลับบ้านมา 3 เล่มเลย พอกลับมาถึงบ้านพ่อมามิก็บอกว่าจะพอเหรอ สามเล่ม เดี๋ยวต้องไปให้คนโน้นคนนี้อีก สรุปเดี๋ยวต้องไปซื้อเพิ่มอีกแล้วค๊าาาา

Lovely Little Lady


ยังมีที่ว่างตรงกลางให้จุ๊บได้อีกนะคะ




ชอบรูปนี้มากๆ ดูเป็นมามิ๊ มามิ




สาวผมแกละ



ตาโตได้อีกค๊าาา


อันนี้ดูงงๆ แอบไปทำมือแบบนั้นตอนไหนน่ะ

อย่าลืมไปอุดหนุนผลงานของมามิทุกแผงหนังสือได้แล้วนะคะ
ดูในเล่มสีสวย หวานกว่าในนี้เยอะเลยค๊าาา