ถ้า
พูดถึงเรื่องการออกกำลังกายที่แม่แหม่มกับมามิทำกันเป็นประจำ
นอกเหนือไปจากที่มามิวิ่งซนไปมา โดยมีแม่แหม่มคอยวิ่งไล่จับ
และหัดมามิขึ้นลงบันได ก็จะมีพามามิไปว่ายน้ำ กับ เต้นแอโรบิก ทุกวันเสาร์อาทิตย์
ทุก วันอาทิตย์อันเป็นวันครอบครัวของแม่แหม่มกับมามิ เราจะพากันไปว่ายน้ำที่หมู่บ้านลาดพร้าว ซึ่งเป็นบ้านของอาม่าของมามิ เราจะไปกันตั้งแต่ช่วงบ่าย ไปว่ายน้ำกันก่อน เสร็จแล้วค่อยทานข้าวเย็นกันกับสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ
มา มิลงสระว่ายน้ำครั้งแรกตอนอายุได้ 6 เดือน ที่คอนโดของเรา ในครั้งแรกแม่ไม่รู้ว่าต้องหันหน้าลูกเข้าหาตัว อุ้มหนูหันออกไปข้างนอก ตามแบบที่อุ้มปกติ ปรากฏว่า มามิกลัวมากตัวเกร็งเลย เล่นได้แป๊ปเดียวก็ต้องพาขึ้น แม่แหม่มถ่ายคลิปเอาไว้ แล้วเอาไปเขียนบล็อก โชว์คลิปให้ดู ก็มีเพื่อนๆ แม่ที่มาอ่านบล็อกแนะนำว่าให้หันหน้าหนูเข้าหาตัว หนูจะได้รู้สึกปลอดภัย พอลงสระครั้งต่อๆ ไปก็ทำตามที่เค้าแนะนำ ได้ผลจริงๆ ด้วยหนูไม่กลัวอีกเลย แล้วก็เริ่มสนุกกับการว่ายน้ำ มาว่ายบ่อยขึ้นก็ตอนมามิแปดเดือน แม่ไปซื้อห่วงคอมาให้หนูชอบห่วงคอมากๆ เลยเพราะทำให้หนูลอยตัวได้อย่างอิสระ หนูได้หัดตีขาอย่างสนุกสนานไปเลย ด้วยความที่หนูชอบว่ายน้ำมากๆ ตอนนี้ปะป๊าก็เลยเตรียมหาคอร์สว่ายน้ำ ให้มามิได้ไปเรียนอย่างเป็นจริงแล้วจ้า
ส่วนอีกกิจกรรม ที่ทำประจำทุกวันเสาร์ คือพามามิไปเดินเล่น เต้นแอโรบิกที่สวนลุมฯ เนื่องจากบ้านที่อาศัยอยู่ ใกล้กับสวนลุมฯ ว่างๆ ก็จะพามามิไปเดินตั้งแต่ยังเดินไม่ได้ และตั้งใจไว้เลยว่าจะพาไปทุกวันเสาร์ ตอนเย็นๆ พอให้แดดอ่อนโยนกับผิวมามิ
ที่สวนลุมฯ จะมีเด็กเยอะมากที่พ่อแม่ พาไปวิ่งเล่น และเต้นแอร์โรบิก มามิชอบมากๆ ได้ยินเสียงเพลงก็จะเต้นตาม พาไปเดินริมบึงจะชอบเรือถีบที่เป็นเป็ดสีเหลืองมาก พาไปดูเป็ดร้องเพลงเป็ดก็จะเต้นตามด้วยล่ะ การได้เดินเล่น และได้เต้นแอโรบิก เป็นการออกกำลังกายของมามิที่ดีเลยล่ะ ตอนนี้มามิเต้นตามจังหวะได้แล้วนะ กลับถึงบ้านก็เปียกเหงื่อไปทั้งตัวเลย
จนวันที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมกับ MommyBear กิจกรรมแรกคือ "โยคะ" ซึ่งเป็นเรื่องที่ใหม่มาก ทั้งของมามิเองและตัวแม่แหม่มด้วย เลยรู้สึกตื่นเต้น และแอบกังวลว่ามามิจะให้ความร่วมมือหรือเปล่า จนมาถึงวันกิจกรรมโยคะ ที่ TRIA ปรากฏว่า มามิตื่นเต้นมากกับ... การได้เจอกับพี่หมีตัวโตๆ ต่างหาก (ฮา...) มามิเกาะติดพี่หมีอย่างกับตังเม กิจกรรมโยคะของมามิ เลยทำได้แค่ท่าวอร์มอัพไม่กี่ท่า ที่เหลือก็มัวแต่วิ่งไปมา ป่วนโน่น ป่วนนี่ วุ่นวายไปหมด จนไปหมดแรงตอนท้าย ร้องหาพี่หมีอย่างเดียว
การได้เข้าร่วม กิจกรรมโยคะในครั้งนี้ทำให้แม่แหม่มรู้ว่าการทำโยคะ จะมีประโยชน์กับมามิ เพราะจะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อของหนู กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยเรื่องการทรงตัว ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ช่วยเสริมบุคลิกภาพ และการควบคุมระบบขับถ่าย อีกทั้งช่วยผ่อนคลาย และกระตุ้นจิตนาการอีกด้วย ข้อดีมากมายอย่างนี้ก็เลยต้องหาวิธีฝึกมามิกัน
แม่ กับปะป๊าก็เลยมาคุยกันว่า เราจะฝึกลูกยังไงกันดี อาจจะไม่ถูกต้องตรงตามตำรา แต่ให้เกิดประโยชน์กับมามิมากที่สุด ก็พอแล้ว เพราะมามิยังเล็กมากๆ คงยากที่จะทำท่าโยคะซึ่งต้องนิ่ง และนับลมหายใจ เลยคิดว่าจะเอาท่าโยคะที่ได้มา 5 ท่านั้นมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ให้เข้ากับการเล่นสนุกของมามิเองละกัน
ท่าที่ 1 : ท่าพระจันทร์เสี้ยว สำหรับมามิที่วิ่งไม่หยุด ท่านี้เป็นท่าที่หินมาก จึงต้องลำบากแม่แหม่มจับมามิมาดัดตัวตามท่า
ทุก วันอาทิตย์อันเป็นวันครอบครัวของแม่แหม่มกับมามิ เราจะพากันไปว่ายน้ำที่หมู่บ้านลาดพร้าว ซึ่งเป็นบ้านของอาม่าของมามิ เราจะไปกันตั้งแต่ช่วงบ่าย ไปว่ายน้ำกันก่อน เสร็จแล้วค่อยทานข้าวเย็นกันกับสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ
มา มิลงสระว่ายน้ำครั้งแรกตอนอายุได้ 6 เดือน ที่คอนโดของเรา ในครั้งแรกแม่ไม่รู้ว่าต้องหันหน้าลูกเข้าหาตัว อุ้มหนูหันออกไปข้างนอก ตามแบบที่อุ้มปกติ ปรากฏว่า มามิกลัวมากตัวเกร็งเลย เล่นได้แป๊ปเดียวก็ต้องพาขึ้น แม่แหม่มถ่ายคลิปเอาไว้ แล้วเอาไปเขียนบล็อก โชว์คลิปให้ดู ก็มีเพื่อนๆ แม่ที่มาอ่านบล็อกแนะนำว่าให้หันหน้าหนูเข้าหาตัว หนูจะได้รู้สึกปลอดภัย พอลงสระครั้งต่อๆ ไปก็ทำตามที่เค้าแนะนำ ได้ผลจริงๆ ด้วยหนูไม่กลัวอีกเลย แล้วก็เริ่มสนุกกับการว่ายน้ำ มาว่ายบ่อยขึ้นก็ตอนมามิแปดเดือน แม่ไปซื้อห่วงคอมาให้หนูชอบห่วงคอมากๆ เลยเพราะทำให้หนูลอยตัวได้อย่างอิสระ หนูได้หัดตีขาอย่างสนุกสนานไปเลย ด้วยความที่หนูชอบว่ายน้ำมากๆ ตอนนี้ปะป๊าก็เลยเตรียมหาคอร์สว่ายน้ำ ให้มามิได้ไปเรียนอย่างเป็นจริงแล้วจ้า
ส่วนอีกกิจกรรม ที่ทำประจำทุกวันเสาร์ คือพามามิไปเดินเล่น เต้นแอโรบิกที่สวนลุมฯ เนื่องจากบ้านที่อาศัยอยู่ ใกล้กับสวนลุมฯ ว่างๆ ก็จะพามามิไปเดินตั้งแต่ยังเดินไม่ได้ และตั้งใจไว้เลยว่าจะพาไปทุกวันเสาร์ ตอนเย็นๆ พอให้แดดอ่อนโยนกับผิวมามิ
ที่สวนลุมฯ จะมีเด็กเยอะมากที่พ่อแม่ พาไปวิ่งเล่น และเต้นแอร์โรบิก มามิชอบมากๆ ได้ยินเสียงเพลงก็จะเต้นตาม พาไปเดินริมบึงจะชอบเรือถีบที่เป็นเป็ดสีเหลืองมาก พาไปดูเป็ดร้องเพลงเป็ดก็จะเต้นตามด้วยล่ะ การได้เดินเล่น และได้เต้นแอโรบิก เป็นการออกกำลังกายของมามิที่ดีเลยล่ะ ตอนนี้มามิเต้นตามจังหวะได้แล้วนะ กลับถึงบ้านก็เปียกเหงื่อไปทั้งตัวเลย
จนวันที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมกับ MommyBear กิจกรรมแรกคือ "โยคะ" ซึ่งเป็นเรื่องที่ใหม่มาก ทั้งของมามิเองและตัวแม่แหม่มด้วย เลยรู้สึกตื่นเต้น และแอบกังวลว่ามามิจะให้ความร่วมมือหรือเปล่า จนมาถึงวันกิจกรรมโยคะ ที่ TRIA ปรากฏว่า มามิตื่นเต้นมากกับ... การได้เจอกับพี่หมีตัวโตๆ ต่างหาก (ฮา...) มามิเกาะติดพี่หมีอย่างกับตังเม กิจกรรมโยคะของมามิ เลยทำได้แค่ท่าวอร์มอัพไม่กี่ท่า ที่เหลือก็มัวแต่วิ่งไปมา ป่วนโน่น ป่วนนี่ วุ่นวายไปหมด จนไปหมดแรงตอนท้าย ร้องหาพี่หมีอย่างเดียว
การได้เข้าร่วม กิจกรรมโยคะในครั้งนี้ทำให้แม่แหม่มรู้ว่าการทำโยคะ จะมีประโยชน์กับมามิ เพราะจะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อของหนู กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยเรื่องการทรงตัว ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ช่วยเสริมบุคลิกภาพ และการควบคุมระบบขับถ่าย อีกทั้งช่วยผ่อนคลาย และกระตุ้นจิตนาการอีกด้วย ข้อดีมากมายอย่างนี้ก็เลยต้องหาวิธีฝึกมามิกัน
แม่ กับปะป๊าก็เลยมาคุยกันว่า เราจะฝึกลูกยังไงกันดี อาจจะไม่ถูกต้องตรงตามตำรา แต่ให้เกิดประโยชน์กับมามิมากที่สุด ก็พอแล้ว เพราะมามิยังเล็กมากๆ คงยากที่จะทำท่าโยคะซึ่งต้องนิ่ง และนับลมหายใจ เลยคิดว่าจะเอาท่าโยคะที่ได้มา 5 ท่านั้นมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ให้เข้ากับการเล่นสนุกของมามิเองละกัน
ท่าที่ 1 : ท่าพระจันทร์เสี้ยว สำหรับมามิที่วิ่งไม่หยุด ท่านี้เป็นท่าที่หินมาก จึงต้องลำบากแม่แหม่มจับมามิมาดัดตัวตามท่า
ส่วนการ
ประยุกต์ก็เป็นการยื่นของที่หนูอยากได้
เหนือศรีษะแล้วพอหนูเอื้อมมือขึ้นจับ
ก็ขยับของไปด้านข้างแล้วให้หนูเอนตัวมาหยิบไป
แต่สุดท้ายหนูก็บิดตัวมาคว้าของซะงั้น
ท่าที่ 2 : ท่าภูเขาสูง ท่า นี้สามารถหลอกล่อมามิให้ทำตามโดยการวางหนังสือเล่มบางๆ หรือของเล่นชิ้นเล็กๆ ไว้บนโต๊ะที่มีความสูงแบบสุดเอื้อม แล้วให้มามิไปหยิบหนังสือหรือของเล่นที่ต้องการ ในการหยิบของแต่ละชิ้นหนูจะต้องเขย่งจนสุดปลายเท้าถึงจะหยิบมาได้
ท่าที่ 3 : ท่าร่มกาง ท่านี้มามิทำได้ไม่ยากเลย แต่ที่ยากสุดๆ คือตัวแม่แหม่มเองต่างหาก เพราะตัวอ่อนไม่พอ ไม่สามารถจริงๆ
สำหรับ มามิ หนูสามารถโน้มตัวลงไปหมอบราบและนิ่งได้พักนึง ตอนแรกต้องช่วยหนูให้กางขาและกางแขนออก แต่พอตอนโน้มตัวลงไปหมอบราบไม่ต้องช่วยหนูสามารถทำเองได้เลย ท่านี้ตอนฝึกแรกๆ จะทำโดยการจับหนูกางขาออกทั้งสองข้าง แล้ววางของเล่นที่หนูต้องการไว้ข้างหน้าแล้วให้หนูโน้มตัวไปหยิบมา
ท่าที่ 4 : ท่าหงส์ เป็นท่ายากสำหรับแม่แหม่มอีกเหมือนกัน เพราะทำยังไงก็ไม่สามารถเอาศีรษะไปแตะเท้าได้เลย ฝึกมามิก็ไม่ง่ายเลย ต้องให้หนูนอนคว่ำ มือขวาจับเท้าของหนูทั้งสองข้างเอาไว้ แล้วมือซ้ายเอาถือไฟฉายส่องบนเพดานแล้วให้หนูแหงนหน้ามองไฟฉายที่ส่องเพดาน หรือชูของที่หนูอยากได้ไว้เหนือหัว ให้หนูแหงนมอง แต่พอมองได้ซักพัก มามิก็จะเอื้อมมือไปคว้าอีกแล้วค๊าาา
ท่าที่ 5 : ท่าคีมหนีบ ท่า นี้หนูถนัดเลย บอกให้ทำก็ทำได้เลย สูดลมหายใจเข้าแล้วเหยียดแขนชูขึ้น แต่มาติดตรงชูขึ้นเหนือศีรษะ เพราะแขนหนูสั้น พอชูขึ้นมันจะมาคับๆหัวของหนูทุกที แล้วมือไม่เคยชิดกันได้เลย เด็กหนอทำไมแขนสั้นอย่างนี้นะ ดูแม่สิยืดออกไปได้สูงและเลยหัวไปได้ซะขนาดนั้น แต่ของหนูเหยียดแขนขึ้นมาฝ่ามือพ้นหัวไปนิดเดียวเอง ฮามากๆ
ตอนนี้พอบอกว่ามามิมาโยคะกัน ทำท่าคีมหนีบสิคะ มีจำได้ด้วยนะ นั่งลงเหยียดขา ชูแขนขึ้นทันที แล้วก็ชูแขนสั้นๆ น่ารักจริงๆ
พอ ฝึกจนเสร็จแล้ว ก็คิดว่ามามิในวัยนี้ คงทำได้แค่ท่า คีมหนีบ ภูเขาสูง แล้วก็ร่มกาง ส่วนท่าอื่นๆ ก็คงต้องพยายามกันต่อไป อาจจะสำเร็จในวัย 2 ขวบโน่นแน่ะ แต่อย่างน้อยตอนนี้มามิก็มีอีกกิจกรรม ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายของหนูเองแล้ว มามิเองก็ต้องตั้งใจฝึกเหมือนกันนะ สู้เค้าเจ้าตัวเล็ก...
ท่าที่ 2 : ท่าภูเขาสูง ท่า นี้สามารถหลอกล่อมามิให้ทำตามโดยการวางหนังสือเล่มบางๆ หรือของเล่นชิ้นเล็กๆ ไว้บนโต๊ะที่มีความสูงแบบสุดเอื้อม แล้วให้มามิไปหยิบหนังสือหรือของเล่นที่ต้องการ ในการหยิบของแต่ละชิ้นหนูจะต้องเขย่งจนสุดปลายเท้าถึงจะหยิบมาได้
ท่าที่ 3 : ท่าร่มกาง ท่านี้มามิทำได้ไม่ยากเลย แต่ที่ยากสุดๆ คือตัวแม่แหม่มเองต่างหาก เพราะตัวอ่อนไม่พอ ไม่สามารถจริงๆ
สำหรับ มามิ หนูสามารถโน้มตัวลงไปหมอบราบและนิ่งได้พักนึง ตอนแรกต้องช่วยหนูให้กางขาและกางแขนออก แต่พอตอนโน้มตัวลงไปหมอบราบไม่ต้องช่วยหนูสามารถทำเองได้เลย ท่านี้ตอนฝึกแรกๆ จะทำโดยการจับหนูกางขาออกทั้งสองข้าง แล้ววางของเล่นที่หนูต้องการไว้ข้างหน้าแล้วให้หนูโน้มตัวไปหยิบมา
ท่าที่ 4 : ท่าหงส์ เป็นท่ายากสำหรับแม่แหม่มอีกเหมือนกัน เพราะทำยังไงก็ไม่สามารถเอาศีรษะไปแตะเท้าได้เลย ฝึกมามิก็ไม่ง่ายเลย ต้องให้หนูนอนคว่ำ มือขวาจับเท้าของหนูทั้งสองข้างเอาไว้ แล้วมือซ้ายเอาถือไฟฉายส่องบนเพดานแล้วให้หนูแหงนหน้ามองไฟฉายที่ส่องเพดาน หรือชูของที่หนูอยากได้ไว้เหนือหัว ให้หนูแหงนมอง แต่พอมองได้ซักพัก มามิก็จะเอื้อมมือไปคว้าอีกแล้วค๊าาา
ท่าที่ 5 : ท่าคีมหนีบ ท่า นี้หนูถนัดเลย บอกให้ทำก็ทำได้เลย สูดลมหายใจเข้าแล้วเหยียดแขนชูขึ้น แต่มาติดตรงชูขึ้นเหนือศีรษะ เพราะแขนหนูสั้น พอชูขึ้นมันจะมาคับๆหัวของหนูทุกที แล้วมือไม่เคยชิดกันได้เลย เด็กหนอทำไมแขนสั้นอย่างนี้นะ ดูแม่สิยืดออกไปได้สูงและเลยหัวไปได้ซะขนาดนั้น แต่ของหนูเหยียดแขนขึ้นมาฝ่ามือพ้นหัวไปนิดเดียวเอง ฮามากๆ
ตอนนี้พอบอกว่ามามิมาโยคะกัน ทำท่าคีมหนีบสิคะ มีจำได้ด้วยนะ นั่งลงเหยียดขา ชูแขนขึ้นทันที แล้วก็ชูแขนสั้นๆ น่ารักจริงๆ
พอ ฝึกจนเสร็จแล้ว ก็คิดว่ามามิในวัยนี้ คงทำได้แค่ท่า คีมหนีบ ภูเขาสูง แล้วก็ร่มกาง ส่วนท่าอื่นๆ ก็คงต้องพยายามกันต่อไป อาจจะสำเร็จในวัย 2 ขวบโน่นแน่ะ แต่อย่างน้อยตอนนี้มามิก็มีอีกกิจกรรม ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายของหนูเองแล้ว มามิเองก็ต้องตั้งใจฝึกเหมือนกันนะ สู้เค้าเจ้าตัวเล็ก...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น