วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สัญชาตณาณความเป็นแม่ Feb 25, '11 12:22 AM


ก่อนหน้าที่จะมีลูก ทุกครั้งที่ได้เจอ ได้สัมผัสกับเด็กอ่อน ไม่ว่าจะเป็นลูกของญาติสนิท ลูกของเพื่อน เห็นแล้วก็จะรู้สึกน่ารัก น่าชัง อยากเข้าไปดูใกล้ๆ เข้าไปจับ  แต่พอเค้าเอามาให้อุ้ม กลับไม่กล้าอุ้ม กลัวไปหมด กลัวทำหล่น กลัวเด็กจะเจ็บ จนพอมีลูกเองก็เลยแอบกังวลว่าพอคลอดแล้วจะกล้าอุ้มไม๊ จะอุ้มยังไง

จนวันที่คลอดมามิ พอพยาบาลอุ้มลูกยื่นมาให้แม่ก็ยืนมือเข้าไปรับทันที  ด้วยสัญชาตณาณของความเป็นแม่ในวินาทีนั้นไม่ได้มีความรู้สึกกลัว หรือกังวลใดๆทั้งสิ้น อุ้มเข้ามาแนบอกมองหน้าลูกแบบไม่วางตา รู้แต่ว่าอยากให้เค้าอยู่ใกล้เราแบบนี้ตลอดไป

ช่วงเวลาที่พักฟื้นหลังคลอดที่โรงพยาบาล ลูกจะถูกดูแลโดยพยาบาลที่ห้องเนอร์สเซอรี่ ที่อยู่คนละชั้นกับห้องพักของแม่ คุณพยาบาลถามว่าจะลงมาให้นมลูกเองทุกครั้งไม๊ แม่ตอบทันทีแบบไม่ลังเลว่าไปค่ะ เพราะช่วงเวลาให้นม และอาบน้ำให้ลูกจะเป็นช่วงเวลาที่ได้อยู่กับลูก และเป็นช่วงเวลามีความสุขที่สุด ทั้งวัน ทุกวัน จะรอคอยแค่เวลานี้ บางครั้งเจ้าหน้าที่เอารถเข็นมารับช้า ไม่ทันใจ ก็จะลุกขึ้นเดินไปเองเลยจนหมอตกใจว่า ทำไมเดินเองได้เร็ว  สัญชาตณาณของความเป็นแม่ล้วนๆ เลยคือพอถึงเวลาก็อยากจะไปหาลูกให้เร็วที่สุด

เมื่อวันที่อุ้มลูกกลับบ้าน เอาลูกวางบนเตียง ทั้งแม่และพ่อก็ยังไม่รู้หรอกว่าจะเลี้ยงกันแบบไหน อย่างไร ด้วยความเป็นพ่อแม่มือใหม่ ไม่มีคนคอยช่วยเลี้ยง ก็อาศัยสัญชาตณาณของความเป็นแม่ สิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติให้มานี่แหละในการเลี้ยงลูก คอยสังเกตทุกอากัปกริยาของลูกว่าเค้าต้องการอะไร ต่างคนต่างปรับตัวเข้าหากัน ทั้งแม่และลูก ต่างคนต่างเรียนรู้กันไป จนมาถึงวันนี้ก็ 2 ปี 2 เดือนแล้วค่ะ



หลังจากได้ชมโฆษณาของ เบบี้มายด์ : http://www.youtube.com/babimildmominstinct  ที่พูดถึง สัญชาตญาณความเป็นแม่ นั่งดูไปน้ำตาไหลไป  มันบีบหัวใจคนเป็นแม่อย่างเรามาก ถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับเรา คงมีความรู้สึกไม่ต่างไปจากภาพที่เห็น  นาทีนั้นคงอึ้ง คิดว่าฝันไปหรือเปล่า  เจ็บปวด เสียใจ หัวใจสลาย ไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับเรา เกิดกับชีวิตน้อยๆ ที่เราเฝ้ารอคอยที่จะเห็นหน้ามานานนับ 40 สัปดาห์ พอคลอดออกมาได้เจอแต่ร่างที่ไม่มีลมหายใจ คงไม่มีคำอะไรมาบรรยายถึงความสูญเสียนั้นได้ ก็คงได้แต่คิดเข้าข้างตัวเองว่า ลูกไม่ได้เป็นอะไร ลูกแค่หลับไป เดี๋ยวลูกก็ตื่นขึ้นมา และคงคาดหวังว่าจะมีปาฏิหารย์มาช่วยลูกให้รอดได้

ย้อนมาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง…กลางดึกคืนนึง ลืมตาตื่นขึ้นมา แล้วลุกขึ้นมามองไปที่เตียง เห็นลูกนอนนิ่ง อกไม่กระเพื่อม ก้มหน้าลงไปดูลูกจนชิด เอามือไปอังที่จมูกของลูก ไม่มีลมหายใจออกมา เวลานั้นรู้สึกว่า มือตัวเองชา ตัวชา ใจเต้นรัว แทบทรุดลงไปกองลงกับพื้น รีบเอามือไปแตะตัวเค้า แล้วเขย่าเบาๆ แล้วเจ้าตัวเล็กก็เริ่มขยับตัว แว่บนั้นดีใจและโล่งใจเป็นที่สุด

เหตุการณ์ในครั้งนั้นยังจดจำ และฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้ นี่เป็นเพียงแค่เหตุการณ์เล็กๆ ที่ประสบกับตัวเอง ยังสะเทือนความรู้สึกได้ถึงขนาดนี้  นี่ถ้าเกิดเหตุการณ์จริงเหมือนในภาพโฆษณาคงไม่สามารถหาคำใดๆ มาบรรยายถึงความรู้สึกสูญเสียนั้นได้

เมื่อสามปีก่อน เหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้เคยเกิดขึ้นกับน้องสะใภ้ ซึ่งมีลูกสาววัยกำลังเดิน กำลังวิ่ง แต่อยู่ๆน้องกลับไม่ยอมเดิน ร้องให้อุ้มตลอดเวลา พี่เลี้ยงก็ตามใจ น้องอยากให้อุ้ม ก็อุ้มตลอด จนวันที่พี่เลี้ยงไม่อยู่ลากลับบ้าน น้องได้มีเวลาอยู่กันลำพังกับพ่อแม่ ตอนนั้นน้องไม่ยอมเดินอีกแล้ว จะไปไหนก็ใช้คลานไป โดยสัญชาตญานของแม่ ทำให้เริ่มรู้แล้วว่าลูกต้องมีอะไรผิดปกติซักอย่าง เลยรีบพาไปหาหมอทันที เริ่มจากไปหาหมอกระดูก จนมาจบที่หมอทางด้านสมอง ซึ่งตรวจพบว่าน้องมีก้อนเนื้องอกในสมอง การรักษาต้องใช้การผ่าตัดอย่างเดียว

นาทีที่รู้ว่าลูกตัวเล็กๆ ที่ยังสื่อสารกับพ่อแม่ยังไม่ค่อยได้จะต้องเข้ารับการผ่าตัดสมอง คนเป็นแม่หัวใจแทบสลาย เศร้า เสียใจ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ก่อนผ่าตัดตระเวนไปไหว้พระ ทำบุญ บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกสารทิศให้ลูกปลอดภัย  จนการผ่าตัดสมองครั้งแรกก็ผ่านไปด้วยดี น้องปลอดภัย แต่ยังไม่จบ เพราะอาการน้ำในสมองที่ไม่ระบายออก ก็ยังไม่ดีขึ้นต้องผ่าตัด เพื่อติดอุปกรณ์ช่วยระบายของเหลว ครั้งที่สอง และจนสำเร็จลงในครั้งที่สาม ทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงสามขวบที่น้องเข้าออกโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาและดูแลอย่างใกล้ชิด

ตลอดเวลาที่รับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล แม้ลูกจะสื่อสารกับแม่ได้ไม่มากเนื่องจากยังเล็ก และมีอาการเจ็บป่วยมาขัดขวางการสื่อสาร แต่ด้วยความเป็นแม่  การเอาใจใส่ดูแลอย่างใกล้ชิด เฝ้าดูแลลูกไม่ห่าง ให้กำลังใจลูกอยู่ข้างๆ ตลอดเวลาที่เค้าต้องการกำลังใจ  แค่ลูกร้อง หรือมองสบตา แม่ก็รู้แล้วว่าลูกต้องการอะไร

ความรักของคนเป็นแม่ไม่เพียงแต่สามารถสร้างปาฏิหารย์ แต่ยังคงสร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้เกิดขึ่นได้จริงๆ  ทั้งหมดเกิดขึ้นจากสัมผัสแรกที่แม่ลูกได้ส่งถึงกัน ไม่ว่าจะเป็นการยื้อชีวิตของลูกน้อย หรือการช่วยให้ลูกฝ่าฟันความเจ็บปวดจากการเจ็บป่วย ซึ่งก็คงไม่มีคำไหนจะอธิบายเหตุการณ์เหล่านี้ได้ดีกว่าคำว่า สัญชาตญาณของความเป็นแม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น