วันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2557

ออมอุ่นใจเพื่ออนาคตที่ดีของน้องมามิ


เมื่อไหร่ที่เราเริ่มต้นไม่คิดถึงตัวเอง ก็น่าจะเป็นช่วงเวลาที่มีครอบครัว โดยเฉพาะเมื่อมีสมาชิกตัวน้อยเพิ่มขึ้นมา จากเดิมที่จะกิน จะเที่ยว จะใช้จ่ายอะไรก็ใช้เวลาคิดน้อยกว่าที่ใช้เวลาหามาได้ซะอีก แต่พอมีลูกแล้วก็เป็นตรงกันข้ามไปเลย เวลาจะใช้เงินแต่ละบาท คิดแล้วคิดอีก ต้องใช้ให้คุ้มจริงๆ แถมเวลาจะออมก็ต้องคิดเหมือนกัน ว่าจะออมยังไงให้คุ้มแสนคุ้ม

เดี๋ยวนี้มีบัญชีหลายแบบให้เลือกออม ตั้งใจเปิดบัญชีเพื่อลูกทั้งทีก็อยากจะเก็บไปเรื่อยๆ มีมากก็ฝากเยอะหน่อย หรือเดือนไหนมีน้อยก็ฝากน้อยหน่อย แต่ก็ไม่อยากผูกมัดตัวเองที่จะต้องฝากเท่ากันทุกเดือน เพราะบางเดือนก็อาจจะมีเรื่องต้องใช้ต้องจ่าย มันก็จะไม่ค่อยสะดวก ไม่คล่องตัว


พอมาเห็นโฆษณาของธนาคาร TMB ที่เป็นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์แทนความห่วงใย ก็ปิ๊งเลย เพราะเป็นบัญชีออมทรัพย์แบบธรรมดาที่แถมฟรีความคุ้มครอง 20 เท่า สูงสุด 1 ล้านบาท โดยไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกัน ทำให้ไม่ต้องแบกภาระหนักจนเกินไปค่ะ


อีกเงื่อนไขหนึ่งที่คิดว่าทุกคนสามารถทำได้แน่นอนคือการคงเหลือยอดเงินฝากในบัญชีต้องมีไม่น้อยกว่า 5,000 บาท เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขของบัญชี ซึ่งสิ่งที่ชอบคือพอเราฝากเงินเพิ่มเราก็จะได้รับความคุ้มครองเพิ่มขึ้นด้วย 20 เท่าของยอดเงินในบัญชีของเราที่สำคัญไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันเลยสักบาท

ถ้าใครคิดจะเปิดบัญชีใหม่ ขอแนะนำว่า บัญชีออมทรัพย์แทนความห่วงใย น่าจะเป็นทางเลือกดี และคุ้มค่า เพราะนอกจากจะได้ออมเงินให้ลูกยังได้รับความคุ้มครองจากประกันอุบัติเหตุ โดยที่ไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ย

ยิ่งช่วงนี้เปิดบัญชี 5,000 บาทก็จะได้รับสมุดนิทานแทนความห่วงใยฟรี มีให้เลือก 4 เรื่อง มีเรื่อง หนูน้อยนกฮูก หมีน้อยจอมพลัง สิงโตหอมฉุย และกระต่ายวิ่งฉิว น้องมามิเลือกนิทานเรื่อง หมีจอมพลัง มาค่ะ  มามิชอบอ่านนิทานมากบอกแม่ว่าหนูอยากได้ทุกเล่มเลย เดี๋ยวว่างๆ แม่จะพาไปฝากเงินเพิ่มแล้วขอหนังสือนิทานเรื่องอื่นเพิ่มอีก หวังว่าพนักงานคงจะใจดีกับมามินะคะ


เปิดบัญชีตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป รับฟรีสมุดนิทานแทนความห่วงใย หนังสือนิทานเป็นแบบ Pop Up มีช่องสำหรับสอดสมุดบัญชีเข้าไปในหนังสือนิทาน พอเปิดขึ้นมาดู เห็นชื่อคนฝาก พร้อมชื่อลูก และใส่รูปคนที่คุณห่วงใยตรงหน้าปกของหนังสือได้ด้วยค่ะ น่ารักมากเลยค่ะ ลองคลิกตามไปดูกันนะคะ: https://www.tmbbank.com/family/savingscarecampaign


ตอนนี้มีกิจกรรมให้ร่วมสนุกกันด้วยค่ะ เพียงแค่ถ่ายรูปกับลูก หรือถ่ายรูปครอบครัวคู่กับสมุดนิทาน แล้วเขียนเรื่องราวความห่วงใยในครอบครัวพิมพ์ hashtag  #TMBSavingsCare แล้วแชร์ผ่านทาง Facebook หรือ Instagram  ลุ้นรางวัลหมอนผ้าห่มนกฮูก มูลค่า 350 บาท มีจำนวนถึง 500 รางวัลเลยค่ะ







สำหรับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์แทนความห่วงใยกับแม่แหม่ม คิดว่ามันเหมาะมาก ถือว่าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า ยิ่งเมื่อเวลาคิดว่าวันหนึ่งโชคชะตาเล่นตลกกับเราแล้วละก็ อย่างน้อยเราก็ยังอุ่นใจที่มีทุนสำรองเอาไว้ให้ลูกๆ ทั้งสองให้พออุ่นใจ ให้รู้ว่าแม่จะอยู่ดูแลหนูตลอดไปนะจ๊ะ


สำหรับคุณพ่อคุณแม่ ที่สนใจ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามลิงค์เลยค่ะ : https://www.tmbbank.com/family/savingscarecampaign

วันพุธที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2557

ผ้าอ้อมเกี่ยวข้องกับการพัฒนาของลูกอย่างไร?


เมื่อวันเสาร์ที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปร่วมงาน Exclusive Workshop กับ Huggies "HUGGIES Ultra ปฏิวัติความเทอะทะ สู่พัฒนาการที่ดีกว่า" กับคุณพ่อ คุณแม่ 100 ท่าน ที่โรงแรม  Swissotel Le Concorde  งานนี้ควงเจ้าโมโม่ หนุ่มหล่อ อายุน้อยที่สุด และแสบที่สุดในบ้านไป ส่วนปะป๊าพาพี่มามิไปเรียนบัลเลต์ก่อน แล้วค่อยตามมาทีหลัง

เราเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินสะดวกมาก เพราะโรงแรมอยู่ไม่ไกลจากสถานีห้วยขวาง เดินยังไม่ทันเหนื่อยก็ถึงแล้ว เราออกเดินทางช้านิดนึง พอไปถึงหน้างานเพื่อทำการลงทะเบียน มีคุณพ่อ คุณแม่ อุ้มลูก จูงหลานมากันเต็มเลยค่ะ เมื่อทำการลงทะเบียนเสร็จแล้ว ได้ของที่ระลึกเป็นผ้าอ้อม Huggies สองห่อ และพี่หมี Huggies 1 ตัว เจ้าโมโม่ตื่นเต้นดีใจ ได้พี่หมีมากอดไว้ไม่ยอมปล่อยเลย


ที่หน้างานมีมุมให้ได้ถ่ายรูปกันหลายจุด  หลังจากลงทะเบียนเสร็จแล้วก็พาเจ้าโมโม่นั่งถ่ายรูปเล่นข้างนอกแป๊บนึง เจ้าโมโม่มองไปเจอพี่หมีตัวใหญ่ที่ก็ชี้ใหญ่อยากจะไปเล่นด้วย ทางทีมงานจัดมุมไว้ให้ถ่ายรูปกับพี่หมีเป็นที่ระลึก เลยต้องรีบพาเจ้าโมโม่ไปต่อแถวรอถ่ายรูปกัน เจ้าโมโม่สนใจแต่พี่หมี กว่าจะหลอกล่อให้มองกล้อง เล่นเอาพี่ๆ เรียกชื่อกันนานเลย ถ่ายเสร็จรอรับรูปกลับบ้านพร้อมกรอบรูปสุดเก๋จาก Huggies ด้วยค่ะ

รับรูปเสร็จแล้วเดินเข้าไปในห้องผู้คนจับจองที่นั่งกันเต็มไปหมด แทบไม่มีที่นั่งว่างเลยค่ะ เราไปกันแค่สองคน ก็เลยยังพอหาที่นั่งได้ ได้นั่งด้านหน้าสุดเลยค่ะ นั่งได้ซักพัก พิธีกรก็เชิญผู้บริหารมากล่าวเปิดงาน และเปิดตัวผลิตภัณฑ์กางเกงผ้าอ้อม Huggies Ultra บาง กระชับ ซึมซับดีเยี่ยม นวตกรรมใหม่จากเกาหลีที่พัฒนามาถึงสองปี เหมาะกับเด็กเอเชีย


งานนี้ได้เชิญคุณหมอ พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ และคุณนานา ไรบีนา มาพูดคุยกันเรื่อง พัฒนาการเด็กกับผ้าอ้อม การเคลื่อนไหวของเด็ก พอคุณหมอกับคุณนานาพูดได้แป๊บเดียวเจ้าโมโม่ก็ทนนั่งฟังไม่ไหว ร้องโวยวายจะให้พาไปเดินเล่น ก็เลยพาไปเล่นเครื่องเล่นที่จัดไว้ให้ทางด้านหลังของห้อง ดูเจ้าโมโม่ไป ฟังไปด้วย จับใจความได้ว่า เด็กมีพัฒนาการในขณะนอนหลับ การนอนหลับเป็นเวลาที่สมองได้พัก ควรจะให้เด็กได้นอนอย่างเต็มที่ และการที่เด็กหลับสนิทจะช่วยให้เด็กเจริญเติบโตได้ดี แต่การที่เด็กจะหลับสนิทได้ ต้องรู้สึกสบายตัว ถ้าใส่ผ้าอ้อมไม่ดี ไม่สบายตัวก็จะทำให้ตื่นง่าย พ่อแม่ก็ต้องคอยตื่นมาเปลี่ยนผ้าอ้อมให้บ่อยๆ  ทำให้พักผ่อนได้ไม่เต็มที่ ผ้าอ้อมที่ซึมซับได้ดี ก็ช่วยให้ลูกหลับสบาย พ่อแม่ก็ไม่ต้องคอยกังวลลุกมาเปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อยๆ


 ผ้าอ้อมเกี่ยวข้องกับการพัฒนาของลูกอย่างไร คุณหมอกล่าวว่าถ้าเด็กใส่ผ้าอ้อมสบาย ก็จะเคลื่อนไหวได้ดี ทำให้สมองพัฒนาได้ดีไปด้วย และเด็กก็จะมีพัฒนาการที่สมวัย หากผ้าอ้อมที่ใส่เทอะทะเกินไป ไม่พอดีตัว จะทำให้เด็กไม่สบายตัว อึดอัด หงุดหงิดง่าย คุณนานาได้พูดถึงการใส่ผ้าอ้อมให้ลูก เด็กส่วนใหญ่จะร้องไห้ และดิ้น การใส่และถอดผ้าอ้อม ต้องเร็วที่สุด ทุกอย่างต้องพร้อม และทำการเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว พูดถึงการสร้างเสริมพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็ก คือการอ่านหนังสือให้ลูกฟังเป็นประจำ ฝึกให้ลูกรู้จักอดทน รอคอย ควบคุมอารมณ์ และการปรับตัว เด็กควรมีพัฒนาการตามวัยของเขา กินให้เป็นเวลา นอนให้เป็นเวลา และการเลี้ยงลูกจะไม่มีแบบแผนอะไรมาก จะถือเอาความสุขของลูกเป็นที่ตั้ง


จบการสนทนาระหว่างคุณหมอพงษ์ศักดิ์ และคุณนานา ก็เป็นการสาธิตการเทของเหลวสีเขียว (น้ำผสมสีผสมอาหารสีเขียว) ลงบนผ้าอ้อมเด็ก Huggies Ultra ที่บางเฉียบและซึมซับได้ดี กับผ้าอ้อมทั่วไป พบว่าผ้าอ้อม Huggies Ultra สามารถซึซับได้ดีกว่า และของเหลวจะกระจายไปทั่วทั้งผืน ไม่อยู่เฉพาะตรงจุดใดจุดหนึ่ง และที่ตัวผ้าอ้อมจะมีแถบวัดความชื้นเป็นรูปดาวสีเหลือง พอเทของเหลวลงไปประมาณ 200 ml. รูปดาวก็จะเปลี่ยนเป็นสีฟ้า ซึ่งจะเป็นจุดที่บอกให้คุณพ่อคุณแม่รู้ว่า ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกแล้วโดยที่ไม่ต้องจับ หรือเปิดดู

การสาธิตเทของเหลวลงบนผ้าอ้อมทั่วไป กับ Huggies Ultra

สังเกตรูปด้านขวามือ ดาวสีเหลืองกลายเป็นดาวสีฟ้า เมื่อผ้าอ้อมเต็มไปด้วยของเหลว

คุณสมบัติโดดเด่นของกางเกงผ้าอ้อม Huggies Ultra คือ บางเฉียบ ซึมซับได้ดี ใส่ง่าย แผ่นผ้าอ้อมด้านข้างจะเรียบเนียน เวลาใส่จะไม่รัดเอวของลูกน้อยให้เป็นรอยแดง เวลาถอดก็ง่าย สามารถแกะแถบกาวด้านข้างออกมากางเป็นแผ่นได้เลย แล้วม้วนเก็บแล้วพับติดแถบกาวได้เลย ติดได้แน่นและมิดชิด เก็บกลิ่นได้ดี และเก็บทิ้งได้ง่ายไม่ต้องใช้ยางรัด

นอกจากการสาธิตบนเวทีให้ดูแล้ว ก็มีให้แม่ๆ ด้านล่างได้ทดลองทำตามไปด้วยพร้อมๆ กัน แม่แหม่มเองได้ทดสอบโดยการจับ การสวนใส่ไปที่แขนแล้วทำท่าเคลื่อนไหว และได้ทดลองเทของเหลวลงในผ้าอ้อม และได้เห็นกับตาว่าของเหลวซึมผ่านได้อย่างรวดเร็วและกระจายไปทั่วแผ่น  เวลาพับเก็บก็ง่าย สะดวกจริงๆ ค่ะ


หลังจากจบการสาธิตวิธีการใช้ผ้าอ้อม ก็ให้คุณพ่อคุณแม่ทั้ง 100 ท่านได้สวมใส่ผ้าอ้อม Huggies Ultra ที่ทางทีมงานได้แจกให้ไปพร้อมๆ กัน เสร็จแล้วก็มีการแจกรางวัลให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรมโพสรูปที่ถ่ายหน้างานลงบนแฟนเพจของ Huggies Thailand และมีคะแนนโหวตสูงสุด 2 รางวัล และปิดท้ายด้วยการถ่ายรูปหมู่ร่วมกันเป็นที่ระลึกหลังจบงานค่ะ


จบงานแบบประทับใจ ได้รับรอยยิ้มและความสุขกลับบ้านกันทุกคนค่ะ ขอบคุณ Huggies Thailand ที่จัดกิจกรรมนี้ขึ้นมา ทำให้แม่อย่างเรารู้ว่า เรื่องของผ้าอ้อมไม่ใช่แค่เรื่องธรรมดา ยังมีอะไรที่เราไม่รู้ และควรต้องศึกษา เพราะการเลือกผ้าอ้อม ก็มีผลต่อพัฒนาการที่ดีของลูกเราด้วยค่ะ


วันอังคารที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2557

พาลูกออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งกันค่ะ


เมื่อวันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ ได้มีโอกาสไปร่วมงาน Scott’s Vitamin C PLAYMANIA ที่เขาดินมาค่ะ งานเริ่มประมาณบ่าย 3 โมง แต่เราไปก่อนเวลานิดนึง ไปถึงพี่ๆ ทีมงานยังจัดซุ้มกิจกรรมกันยังไม่เสร็จ เลยพาเด็กๆ ไปเดินเล่น เล่นเครื่องเล่น และนั่งรถรางชมรอบๆ สวนสัตว์ก่อน เจ้ามามิสนุกกับการได้นั่งรถราง และชมสัตว์สองข้างทางมากเลย ส่วนเจ้าโมโม่ เป็นช่วงเวลานอนพอดี พอขึ้นรถได้แป๊บเดียวก็ซบไหล่ปะป๊าหลับสบาย


พอนั่งรถครบ  1 รอบก็ได้เวลาลงทะเบียนทำกิจกรรมกันพอดี ระหว่างที่เข้าแถวรอลงทะเบียนมามิตื่นเต้นมาก อยากไปเล่นสนุกในกิจกรรมแต่ละฐานไวๆ เพราะตอนมาถึงแม่พาเดินไปเลียบๆ เคียงๆ ดู เจ้ามามิเห็นลูกบอลหลากสีอยู่ในบ่อทราย อยากจะกระโดดลงไปเล่นมากเลย มีพี่มาสคอตใจดีมายืนโบกมือต้อนรับ เด็กๆ ไปรุมล้อมถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนานกันใหญ่ งานนี้จัดขึ้นเพื่อให้เด็ก ๆ ได้เรียนเรียนรู้โลกกว้างอย่างเต็มที่ เพราะยิ่งเล่นก็ยิ่งเรียนรู้ ยิ่งพัฒนาการได้เร็วขึ้นค่ะ

เด็กๆ ถ่ายรูปกับพี่มาสคอต และมามิก็เล่นกับพี่เค้าอย่างสนุกสนาน

หลังจากลงทะเบียนเสร็จก็มานั่งฟังดารารับเชิญคุณตุ๊ก ชนกวนันท์ กับน้องแพรว พูดคุยกับคุณหมอ คคนางณ์ จันทรภักดี จากโรงพยาบาลสมิติเวช  และมีน้องภูมิกับคุณตามายืนฟังและรอเล่นกิจกรรมร่วมกันด้วยค่ะ คุณตุ๊กเล่าให้ฟังว่า “น้องแพรวเป็นเด็กชอบเล่นนอกบ้าน เพราะตุ๊กพาเขาไปทำกิจกรรมกลางแจ้งตั้งแต่เล็ก พามาเขาดินบ่อยจนน้องแพรวจำได้หมดว่าสัตว์ชนิดไหนอยู่ตรงไหน พยายามพาเค้าออกไปนอกบ้านไปเรียนรู้ ไปเจอกับของจริง สัตว์ตัวจริงๆ ไม่อยากให้ลูกอยู่แต่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ และจะไม่เปิดทีวีตลอดเวลา แม้เทคโนโลยีจะทำให้เกิดการเรียนรู้ แต่เด็กก็คือเด็ก ต้องให้เขาได้เล่นได้ออกกำลังกาย ร่างกายจะได้แข็งแรง เพื่อให้เขาเติบโตอย่างมีคุณภาพ ตุ๊กพยายามบาลานซ์ทั้งสองส่วนเท่า ๆ กัน จึงจะเกิดพัฒนาการทั้งทางร่างกายและทางสมอง”


ส่วนคุณหมอก็จะพูดถึงเด็กที่ช่างซักช่างถามว่า จะเป็นเด็กที่ช่างสังเกตและเก็บข้อมูล พอเค้าเก็บข้อมูลเยอะๆ เค้าก็มีข้อสงสัย ก็จะมีคำถามออกมามากมาย พ่อแม่ต้องคอยตอบคำถามเค้าทุกคำถาม ห้ามเบื่อ พ่อแม่บางคนบอกว่าลูกตัวเองเก่งมาก เปิดยูทูปร้องเพลงตามได้หมดเลย เปิดให้ดูรูปสัตว์ต่างๆ ในคอมพิวเตอร์รู้จักหมด ตอบได้หมด แต่เก่งแต่ในบ้าน พอออกมานอกบ้าน ไม่กล้าร้องเพลง และถามอะไรก็ตอบไม่ได้เลย เปิดรูปไก่ให้ตัวอื่นให้ดูก็ตอบไม่ได้ ตอบได้แต่ไก่ตัวที่อยู่ที่บ้าน อันนี้ก็เป็นปัญหาอย่างนึง คือ เด็กไม่ได้เรียนรู้จากของจริง ควรพาเค้าออกไปนอกบ้านไปสวนสัตว์ ไปตัวสัตว์ที่เป็นตัวจริงๆ ดีกว่า

ระหว่างฟังคุณหมอและคุณตุ๊กพูดคุยกัน

คุณหมอยังพูดถึงประโยชน์ของการเล่นกลางแจ้งดีว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด พวกเด็กที่ไม่ค่อยนิ่ง พลังงานเยอะ ต้องออกไปวิ่งเยอะๆ เลย จะได้มีสมาธิมากขึ้น กลับมาพลังงานลดลง จะได้นั่งทำงานที่มีสมาธิได้ การวิ่ง การออกกำลังก็ช่วยเรื่องกล้ามเนื้อมัดใหญ่ด้วย การสร้างแรงจูงใจให้เด็กออกไปเล่นนอกบ้าน โดยการทำกิจกรรมอะไรก็ได้ที่มันสองทาง พูดคุยกันเยอะๆ เด็กๆ เดี๋ยวนี้ภาษาช้าเยอะมาก พัฒนาการช้าเยอะมาก เกิดขึ้นเพราะเราไม่ได้กระตุ้นอย่างเหมาะสม เลี้ยงลูกเหมือนผู้ใหญ่ อยู่ในบ้านพูดคุยกัน ไม่ทำกิจกรรมอะไรสำหรับเด็ก ทำให้เด็กพัฒนาการช้า พ่อแม่ก็ต้องให้เวลากับลูกเยอะๆ ทำกิจกรรมนอกบ้านเยอะๆ เพราะถ้าเด็กอยู่ในบ้านมาก ๆ เด็กอาจจะขาดวิตามินดี แล้วก็ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมช้า เพราะเจอแต่กับพ่อแม่ ไม่เจอเด็กวัยเดียวกัน EQ ก็ช้า IQ ก็ช้า เพราะฉะนั้นต้องส่งเสริมเด็กออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านเยอะๆ ออกไปเล่นกับเพื่อนบ้าน ไปวิ่งเล่นในสนามก็ยังดี

และพูดถึงวิตามินซีว่าเป็นวิตามินที่ร่างกายไม่สามารถสร้าง หรือสังเคราะห์ขึ้นมาเองได้ และมีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยให้ร่างกายดูดซึม ธาตุเหล็ก ได้ดียิ่งขึ้น การขาดวิตามินซีอาจทำให้เกิดโรคเลือดออกตามไรฟันได้ แหล่งที่พบวิตามินซีได้ในธรรมชาติ ได้แก่ ผลไม้รสเปรี้ยว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ส้ม ฝรั่ง ผักใบเขียว แคนตาลูป มันฝรั่ง มะเขือเทศ ดอกกะหล่ำ บล็อคเคอรี่ เป็นต้น  เด็กเล็กๆ ควรได้รับวิตามินซี  30-60 มก. ต่อวัน


หลังจากฟังคุณตุ๊กกับคุณหมอพูดคุยกับจบแล้วทางทีมงานก็แจก Scott Vit C ให้เด็กๆ ได้ทานกัน เพื่อให้เด็กๆ ได้เตรียมร่างกายให้พร้อมด้วย Scott Vit C ก่อนตะลุยฐานต่างๆ โดยแบ่งเด็กเป็น 4 กลุ่มให้ไปเล่น กิจกรรมตามฐานที่จัดไว้ 4 ฐานคือ Strong, Think, Imagination และ Explore กลุ่มของมามิเริ่มเล่นที่ฐาน Imagination ฝึกจินตนาการ โดยการระบายสีบ้านกระดาษ มามิชอบระบายสีอยู่แล้วเลยสนุกกับการหยิบสีโน้นสีนี้มาระบายใหญ่เลยค่ะ ส่วนโมโม่ก็ชอบและสนุกมาก เพราะได้มุดเข้ามุดออกบ้านกระดาษหลังเล็กๆ ที่มีขนาดพอดีตัวโมโม่เลย


จบจากฐานนี้แล้วก็ไปต่อที่ฐาน Explore ฝึกให้เด็กเป็นนักสำรวจ มามิกับเพื่อนๆ ต่างช่วยกันขุดทรายหาไข่ไดโนเสาร์อย่างตั้งใจ พอขุดเจอไข่ไดโนเสาร์ใบใหญ่ มามิตะโกนเรียกแม่ ชูให้ดูด้วยความตื่นเต้นดีใจ เมื่อนำไปแช่น้ำซักพัก ใช้ไม้เจาะลงไปที่ไข่ก็จะพบไดโนเสาร์ตัวน้อยอยู่ข้างใน ในไข่แต่ละใบจะมีไดโนเสาร์แต่ละพันธุ์ไม่ซ้ำกัน และยังได้ไดโนเสาร์ตัวน้อยกลับบ้านด้วย


ต่อจากฐาน Explore เราก็ไปกันต่อที่ฐาน Strong เสริมสร้างความแข็งแรง กระโดดสปริงบอร์ดแทรมโพลีนเก็บผลส้ม เล่นกระดานลื่นหาผลเบอร์รี่ และฐานนี้ก็เป็นอีกฐานที่มามิชอบมาก เพราะได้กระโดดโลดเต้นอย่างสนุกสนาน ถึงจะตัวเล็ก กระโดดไม่ถึงแต่หนูก็พยายามกระโดดสุดตัวเพื่อให้ได้ผลเบอรี่ที่ห้อยอยู่ด้านบน ส่วนกระดานลื่นมามิก็วิ่งขึ้นวิ่งลงหลายรอบแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยกันเลย


 และฐานสุดท้าย Think เป็นการเล่นแบบใช้ความคิด ด้วยการต่อจิกซอว์ภาพ งานถนัดของมามิเลย เพราะมามิชอบต่อจิ๊กซอว์มาตั้งแต่เบบี๋ ใช้เวลาแค่แป๊บเดียวก็ต่อเสร็จเรียบร้อย พอได้ครบทุกฐานก็นำป้ายที่ห้อยคอที่ได้รับการแสตมป์ ไปรับ สก๊อต วิตามินซี กลับบ้านคนละ 3 กล่อง พร้อมกับเลโก้อีก 1 กล่องให้กลับไปต่อเล่นที่บ้าน พอได้มาปุ๊บมามิขอให้แม่แกะกล่อง Scott’s Vitamin C รสส้มให้กินทันที และตรงจุดรับของรางวัลนี้ยังได้ขึ้นแท่นได้ที่ 1 ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก แล้วรอรับรูปกลับบ้านอีกด้วย


 ส่วนครอบครัวเราพิเศษกว่า ได้ตะกร้าสก๊อต วิตามินซี ใบใหญ่พร้อมกระดานวาดรูปกลับมาบ้านด้วย พอกลับมาถึงบ้านมามิรีบแกะกล่องกระดานวาดรูปมานั่งวาดเล่นทันที พอวาดรูปจนพอใจก็ไปเอาเลโก้สองกล่องมาช่วยกันต่อกับปะป๊า ได้รูปรถยนต์กับมอเตอร์ไซด์ มาเล่นกันสองคนกับโมโม่

การเข้าร่วมกิจกรรมกลางแจ้งกับ Scott’s PLAYMANIA ในครั้งนี้ เด็กๆ สนุกสนานกันมากแทบไม่อยากกลับบ้านกันเลยค่ะ คุณพ่อคุณแม่ควรแบ่งเวลาพาลูกๆ ออกไปวิ่งเล่นนอกบ้านบ้างนะคะ ไม่ว่าจะเป็นสนามหญ้าหน้าบ้าน สนามหญ้าของหมู่บ้าน หรือถ้าบ้านไหนเป็นตึกแถวหรือไม่มีพื้นที่กลางแจ้งโล่งๆ ให้เด็กๆ  ได้วิ่งเล่น ก็พาออกไปสวนสัตว์ เช่นเขาดิน หรือสวนสาธารณะ เช่น สวนลุม สวนรถไฟ สนหลวง ร. 9 หรือสวนสาธารณะใกล้ๆ บ้านก็ได้ค่ะ ให้เด็กได้วิ่งเล่นเหงื่อท่วมตัว เหงื่อเปียกหัว ได้ปล่อยพลังอย่างเต็มที่ คุณก็จะได้ยินแต่เสียงหัวเราะแห่งความสุขของเด็กๆ และได้เห็นใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของเด็กๆ ตลอดเวลาเลยค่ะ


เทคโนโลยีช่วยให้เกิดการเรียนรู้ จะสังเกตว่าเด็กยุคนี้เรียนรู้เร็วมาก เขาดูเราเล่นโทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์แป๊บเดียว ก็ทำตามได้ทันที บางทีพ่อแม่ยุ่งกับงาน ก็ส่งมือถือให้ ลูกจะได้ไม่มากวนใจ แต่เด็กก็คือเด็ก เราใช้เทคโนโลยีเลี้ยงเขาอย่างเดียวไม่ได้ ต้องให้เขาได้ใช้ร่างกาย ได้วิ่งเล่น เพราะฉะนั้นควรจะพาลูกออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งค่ะ



 ติดตามข่าวสารจาก Scott Vitamin C ได้ที่ https://www.facebook.com/scotts.vitamin