วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

กระทงแครกเกอร์ อร่อย ประหยัด


ลอยกระทงปีที่แล้วทำกระทงจากหัวปลี มาปีนี้ตอนแรกตั้งใจจะทำกระทงหัวปลีอีกครั้ง แต่เมื่อวันอาทิตย์ไปเดินตลาด หาหัวปลีไม่มีเลย เลยมานั่งคิดว่าจะทำกระทงจากวัสดุธรรมชาติอะไรดีนะ กระทงจากเปลือกข้าวโพดจะไปหาจากไหนยากไป เปิดดูไอเดียทำกระทงเจอว่าเทรนด์ใหม่ปีนี้ เป็นกระทงที่ทำจากโคนไอศกรีม เก๋ไก๋มาก เห็นแล้วคันไม้คันมืออยากทำขึ้นมาเลย

หลังจากส่งมามิไปโรงเรียนเสร็จและเข้าซุปเปอร์มาเก็ตทันที เดินหากรวยไอศกรีมซึ่งในใจคิดแล้วว่าไม่น่าจะมี เดินไปเดินมาไปหยุดที่ชั้นขนมกรอบพวกบิสกิต แครกเกอร์ วาฟเฟิล เลยหยุดคิด ดูไปดูมาลักษณะเป็นรแผ่นๆ คล้ายๆ กลีบกระทงน่าจะลองเอามาทำกระทงได้

กระทงทำจากขนมปังก็มีแล้ว กรวยไอศครีมก็มีแล้ว เอ๊า!! ลองทำกระทงจากแครกเกอร์ และวาฟเฟิลละกัน มาเริ่มกันเลยค่ะ



สิ่งที่ต้องเตรียมในการทำกระทงแครกเกอร์
1. แครกเกอร์
2. วาฟเฟิล
3. จานกระดาษ กระดาษแข็ง หรือกระดาษลัง
4. กาว
5. คอตตอนบัด
6. กะลามะพร้าว


ก่อนลงมือทำขอหม่ำก่อนนะคะ

วิธีทำกระทง
1. นำจานกระดาษไปวัดให้ได้เท่ากับขนาดของกะลามาพร้าว แล้วตัดเป็นรูปวงกลม
2. นำแครกเกอร์ และวาฟเฟิลไปวางติดลงบนกระดาษด้วยกาวลาเทกซ์ วางเรียงให้สวยงาม ตกแต่งได้ตามใจชอบ (ไม่ควรทากาวลงบนวาฟเฟิลให้ชุ่มเกินไปเพราะจะทำให้ชื้นและเหี่ยวและเสียรูปทง แค่วางแผ่นวาฟเฟิลลงบนช่องว่างระหว่างแครกเกอร์ก็สามารถตั้งได้แล้ว หรือจะใช้เป็นแครกเกอร์ทั้งหมดเลยก็ได้ โดยวางลงไปแทนวาฟเฟิลจำนวน 4 ชิ้นเท่ากัน)
3. นำกะลามาพร้าวมารองด้านในด้วยกระดาษเป็นฝอยๆ หรือกระดาษทิชชู่ ถ้าไม่มีกะลามะพร้าวใช้กระดาษลังซ้อนกันสองสามชั้นใช้กาวติด ทำเป็นฐานกระทงแทนกะลาก็ได้ค่ะ
4. เมื่อตกแต่งกระทงเสร็จเรียบร้อยแล้วก็นำไปวางลงในกะลา
5. ตกแต่งด้วยธูปเทียนปักไว้ตรงกลาง หากลีบดอกไม้สีสวยๆ มาวางไว้รอบๆ กระทง เพื่อให้มีสีสันสวยงามก็ได้ค่ะ
6. เท่านี้ก็ได้กระทงแครกเกอร์ที่สวยงามของหนูก็เสร็จเรียบร้อย






การทำกระทงด้วยฝีมือของตัวเองเป็นการสอนให้ลูกได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ รู้จักประยุกต์ใช้สิ่งรอบๆ ตัว มาสร้างสรรค์ผลงานศิลปะเฉพาะตัวที่แปลก แตกต่างไปจากคนอื่น อีกทั้งยังทำให้ลูกได้เรียนรู้ถึงประเพณีลอยกระทงซึ่งเป็นประเพณีที่ดีงาม และเป็นเอกลักษณ์ของไทย โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถเล่าให้ลูกฟังถึงประวัติความเป็นมาของประเพณีลอยกระทงไปด้วยและทำกิจกรรมร่วมกันไปด้วย

ลอยกระทงปีนี้ มามิกับโมโม่มีกระทงที่ทำเอง สวยงาม และไม่เหมือนใคร ราคาที่ไม่แพง แครกเกอร์ที่ซื้อมายังใช้ไปไม่หมด เก็บไว้กินต่อได้อีก นำไปลอยในน้ำเป็นอาหารปลา อิ่มทั้งปลา อิ่มทั้งคน ราคาถูกกว่ากระทงที่มีขายทั่วไป ประหยัดเงินในกระเป๋าแม่ไปได้เยอะเลยค่ะ

ไม่ยากเลยใช่ไม๊คะ กระทงแครกเกอร์ของมามิ โมโม่ คุณพ่อคุณแม่ทานไหนอยากลองไปทำกับลูกกันดูได้นะคะ วัสดุอุปกรณ์ก็หาได้ง่าย แค่เดินไปร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ บ้าน มานั่งทำกันไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็เสร็จแล้วค่ะ

วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2557

ชวนมาดื่มกาแฟกัน 3 in 1 หอม หวาน ละมุนละไม



วันก่อนไปเดินซุปเปอร์มาร์เก็ต คุณพ่อบ้านไปลองชิมกาแฟสาธิตยี่ห้อหนึ่งถึงกับติดใจ ถึงกับซื้อติดมือกลับมาด้วยหนึ่งห่อใหญ่ ยิ่งพวกกาแฟแบบ 3 in 1 บ้านนี้ไม่ค่อยได้ดื่มเลย จะดื่มก็เฉพาะตอนไปเที่ยวต่างจังหวัด คือพกเอาไว้ดื่มแก้ขัด แม่แหม่มก็เลยแปลกใจ เลยคิดว่าจะขอชิมซักหน่อยว่าเป็นยังไง
กาแฟที่ว่านี้คือ ซุปเปอร์บราวน์คอฟฟี่ เป็นกาแฟตัวใหม่ของซุปเปอร์คอฟฟี่ แบรนด์ที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ตามหน้าซองเขาว่า ใช้น้ำตาลทรายแดงหรือบราวน์ชูการ์ เป็นส่วนประกอบ พอฉีกซองออกมายอมรับเลยว่า กลิ่นแปลกไปกว่ากาแฟ 3in1 ทั่วๆ ไป กลิ่นมันหอมแบบเบาๆ เลยจัดการชงใช้น้ำร้อนปกติ พอละลายน้ำเท่านั้นแหละ กลิ่นของกาแฟยิ่งชัดขึ้น มันจะหอมแบบกลมกล่อมเหมือนคาราเมลเบาๆ เลยต้องลองจิบช้าๆ รสชาติก็ยิ่งใช่เลย เป็นเหมือนกาแฟในร้านหรูๆ ที่เราชอบไปนั่งจิบกาแฟกัน ทั้งกลิ่น ทั้งรส มันละมุนละไม กลมกล่อมไปหมด



เลยถามคุณพ่อบ้านว่ามันเป็นมายังไง ก็พอได้ใจความว่า ปกติร้านกาแฟดีๆ เขาจะมีให้เลือกนะว่าจะเติมน้ำตาลทรายขาว หรือน้ำตาลทรายแดง (บราวน์ชูการ์) ถ้าคอกาแฟจริงๆ มักจะเติม บราวน์ชูการ์ เพราะมันจะเป็นน้ำตาลที่ไม่ได้ผ่านการฟอกสีซึ่งจะดีต่อสุขภาพ แล้วบราวน์ชูการ์เองก็จะช่วยขับให้รสชาติกาแฟดีขึ้น เพราะตัวน้ำตาลเองจะมีกลิ่นหอมแบบธรรมชาติ ทำให้ไม่ไปรบกวนกลิ่นของกาแฟที่เข้มข้น ช่วยให้กลิ่นหอมละมุนมากขึ้น ซุปเปอร์บราวน์คอฟฟี่เลยเป็นกาแฟแบรนด์แรกเลยที่ใช้บราวน์ชูการ์เป็นส่วนผสมในกาแฟ 3in1 สุดยอดมาก ขนาดที่คอกาแฟอย่างพ่อบ้าน ที่ไม่ชอบกาแฟ 3in1 ยังรีบซื้อมาลองทีเดียว


 ก็เลยได้ความรู้ใหม่ของคอกาแฟว่า รสชาติกับกลิ่นเป็นอะไรที่ต้องไปด้วยกัน กาแฟจะกลมกล่อมวัตถุดิบต้องเข้ากันได้ กาแฟดีอาจจะไม่ต้องแพงมาก แค่ถูกลิ้นถูกคอถูกใจคอกาแฟก็สร้างความพึงพอใจได้แล้ว แต่ดูๆ ไปแล้ว เดี๋ยวนี้แม่แหม่มว่าการกินกาแฟมันมีองค์ประกอบมากกว่านั้นเยอะ บางทีเรื่องรสชาติอาจจะไม่สำคัญเท่าบรรยากาศ แบรนด์ และสถานที่ซะแล้ว ใช่หรือเปล่า อันนี้ต้องถามคอกาแฟที่ชอบไปต่อแถวกันในร้านดังแล้วค่ะ แต่สำหรับแม่แหม่มแล้วได้ลองซุปเปอร์บราวน์คอฟฟี่ แล้วให้ความรู้สึกดี เหมือนนั่งอยู่ในร้านกาแฟเลยค่ะ

วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2557

เพราะเด็กไม่ใช่แค่ผู้ใหญ่ตัวเล็ก จึงต้องการการดูแลเป็นพิเศษ


เริ่มเข้าหน้าฝนทีไร ก็มักได้ข่าวคราวคนรู้จักเจ็บไข้ได้ป่วยกัน บางคนก็เลือกกินยาเอง บางคนก็เลือกไปคลีนิค แต่บางคนก็เลือกไปโรงพยาบาลกัน แตกต่างกันไปอาจจะด้วยหลายสาเหตุ คนที่กินยาเองก็อาจจะคิดว่านิดหน่อยไม่เป็นไรเดี๋ยวก็หาย คนที่ไปคลีนิคก็บอกว่าสะดวกดี รอไม่นานแถมยาบางตัวก็ถูกกว่าโรงพยาบาล ส่วนคนที่ไปโรงพยาบาลก็บอกว่าอยากจะให้หายขาด และบางคนก็เบิกประกันได้ ทุกอย่างมีเหตุผล และปัจจัยหลายอย่าง

แต่บางเรื่องราวก็อาจจะไม่ง่ายอย่างที่คิด บางครั้งที่ลูกป่วยเราเองก็อยากให้เด็กอธิบายให้ละเอียดจะได้รู้ว่าซีเรียสขนาดไหน แต่บางทีเด็กก็อธิบายไม่ได้ ก็เลยต้องอาศัยคุณหมอเป็นคนลำดับอาการ ตรวจดูว่ามีความผิดปกติอย่างไร แม่แหม่มถึงเลือกที่จะไปโรงพยาบาล ในอาการที่มันไม่แน่ชัด เพราะบางทีอาการที่เราคิดว่าไม่ร้ายแรง แต่จริงๆ แล้วอาจจะหนักหนากว่าที่คิด อย่างประสบการณ์ที่แม่แหม่มเคยพบเห็นมากับครอบครัวของน้องสาวของปะป๊า

เรื่องเกิดขึ้นเมื่อเกือบๆ เจ็ดปีมาแล้ว ลูกคนเล็กของน้องสาวปะป๊า เมื่อตอนอายุได้สองขวบมีอาการเดินไม่ตรง เซบ้าง บางทีก็ล้มแผละ หนักเข้าก็ร้องให้อุ้มตลอดเวลา ไม่ยอมเดิน แรกๆ ก็คิดว่าอ้อนแม่ แต่พอมากขึ้นก็เลยคิดว่าอาจจะเป็นอะไรที่กระดูกขา ก็เลยพาไปตรวจที่โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ ไปพบกับผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูก ซึ่งเอ็กซเรย์แล้วก็ไม่พบความผิดปกติ แต่คุณหมอสังเกตว่าขนาดศีรษะของน้องใหญ่กว่าปกติ ก็เลยขอวัดดู ก็เห็นว่าเกินมาตรฐาน บวกกับอาการทั้งหลายที่เกิดขึ้น เลยบอกคุณแม่ให้ลองปรึกษากับแพทย์ทางด้านสมอง

ครั้งแรกที่ได้ฟังก็งงๆ ว่าไม่น่าจะเกี่ยวกันแต่น้องสาวของปะป๊าก็ลองทำตามดู เพื่อจะได้รู้ปัญหา พอพบกับคุณหมอเท่านั้นแหละ เจอสั่งให้ MRI สมอง รอผลอยู่ครึ่งวัน พร้อมกับตรวจอาการต่างๆ สรุปว่าน้องมีเนื้องอกที่สมอง ซึ่งไปกดทับช่องทางระบายน้ำในสมอง ทำให้ศีรษะบวมน้ำ ต้องรีบผ่าตัด เพื่อระบายน้ำออก ก่อนที่น้ำในสมองจะไปดันสมองส่วนอื่นๆ ให้เสียหาย

ทุกคนช็อค แต่ก็ตั้งสติรีบดำเนินการทั้งหมดด้วยความรวดเร็ว ผ่าตัดสมองในเด็กสองขวบ เป็นเคสที่สุดจะบรรยายของคนเป็นพ่อแม่ ตอนนั้นแม่แหม่มยังไม่มีมามิ โมโม่ ก็ยังรับรู้ได้ถึงความทุกข์ระทมของคนเป็นพ่อแม่ได้ ก็ได้แต่ให้กำลังใจอยู่ตลอดเวลา สุดท้ายแล้วหลังจากอยู่โรงพยาบาลร่วมเดือน และเข้าออกผ่าตัดแก้ไขท่อระบายน้ำในสมองอยู่สองครั้ง ทุกอย่างก็เข้าสู่ภาวะปกติ น้องกลับมาเป็นเด็กร่าเริงเหมือนเดิม อาจจะมีอาการเก็บตัว กลัวคนแปลกหน้าอยู่บ้าง แต่เมื่อพาเข้าสังคมบ่อยๆ อาการเหล่านี้ก็หายไป


บทเรียนเรื่องนี้สอนแม่แหม่มอยู่เสมอว่า บางครั้งอาการเจ็บป่วยในเด็กเล็ก ซึ่งเรามองไม่ออกว่าเกิดจากอะไร การไปพบผู้เชี่ยวชาญแต่เนิ่นๆ ก็จะทำให้ปัญหาทั้งหลายคลี่คลายได้อย่างรวดเร็ว เพราะบางครั้งเวลาเพียงเสี้ยววินาทีก็อาจจะหมายถึงสายเกินไป อย่างเรื่องที่เล่าไป ถ้าเกิดน้องสาวของปะป๊าชะล่าใจ ไม่ยอมพาไปโรงพยาบาล หรือว่ามีพี่เลี้ยงที่ตามใจ ยอมอุ้มให้ตลอดเวลา อาการเตือนที่ปรากฏให้เห็น ก็จะถูกละเลย จนสายเกินไปจริงๆ และต้องขอบคุณโรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ และคุณหมอ ที่ได้ใช้ความเชี่ยวชาญ และให้คำแนะนำที่ดี สร้างขวัญและกำลังใจให้กับครอบครัวที่ต้องเผชิญหน้ากับข่าวร้ายอย่างนี้


ขอเล่าให้ฟังเกี่ยวกับโรงพยาลเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับคุณพ่อ คุณแม่ในการพิจารณาเลือกโรงพยาบาลให้ลูกนะคะ ก่อนนี้ โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ มีโรงพยาบาลเด็ก สมิติเวช ศรีนครินทร์ เปิดอยู่ภายในด้วย แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็น “โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ Samitivej International Children’s Hospital” ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเด็กเอกชนแห่งแรกของประเทศไทย มีกุมารแพทย์เฉพาะทางด้านต่างๆ สำหรับเด็ก (ร่วม 150 ท่าน) ซึ่งเรียกได้ว่าสามารถรองรับการรักษาโรคได้ในเด็กได้อย่างครบวงจร แม้จะเป็นโรคยากๆ ในเด็ก เช่น การผ่าตัดหัวใจ การเปลี่ยนถ่ายไขกระดูก เป็นต้นค่ะ

และตอนนี้โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล มี 2 สาขา สาขาแรกอยู่ภายในโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ และอีกสาขาอยู่ในโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ภายใต้คอนเซ็ปต์ Hospital in the Hospital คุณพ่อคุณแม่ท่านไหนที่สนใจสามารถเข้าดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์นะคะ: http://www.internationalchildrenshospital.com


การเลือกสถานพยาบาลเมื่อลูกเจ็บป่วยเป็นสิ่งสำคัญ ควรจะพาลูกไปโรงพยาบาลเด็กโดยเฉพาะจะดีกว่า เพราะจะมีทีมแพทย์ และบุคคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่สามารถดูแลให้คำปรึกษาเราได้เป็นอย่างดี มีสถานที่ที่เหมาะสม สะอาดสะอ้าน และมีเครื่องไม้เครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับเด็กโดยเฉพาะ

บางคนลูกเจ็บป่วยขึ้นมาก็คิดว่าพาไปคลีนิคก็ได้ ค่าใช้จ่ายถูกกว่าไปโรงพยาบาลเยอะเลย แต่คลีนิคที่ไม่มีแพทย์เฉพาะที่ทำการรักษาเด็กโดยตรง อาจจะวินิจฉัยไม่ตรงกับสาเหตุ แทนที่จะหายกลับเป็นเรื้อรัง กลับไปหาอีกหลายครั้ง สุดท้ายไม่หาย ก็ต้องไปโรงพยาบาลอยู่ดี  และการพาลูกไปโรงพยาบาล ไม่ใช่แค่ในยามที่ลูกเจ็บป่วย ควรพาลูกไปพบปะแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ และเพื่อรับคำปรึกษาในเรื่องของพัฒนาการ และโภชนาการของเด็กด้วยค่ะ


แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเชียร์ให้ทุกคนไปโรงพยาบาลกัน เพียงแต่เมื่อไม่แน่ใจในอาการก็อย่าลังเลที่จะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ การไปโรงพยาบาลก็ควรจะไปในขณะที่เรายังเดินไปได้ ไม่ต้องรอให้หามเข้าไปใช่ไหมคะ


วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2557

รีวิว เครื่องล้างจาน Siemens และน้ำยาล้างจาน Finish


เวลาที่เด็กๆ มีอาการท้องเสีย ท้องเดินแต่ละครั้ง คนเป็นแม่ก็แทบจะขาดใจ ต้องคอยทำความสะอาด ต้องระวังอาหารการกินให้มาก แต่ใครจะคิดว่าบางครั้งปัญหาไม่ได้อยู่ที่อาหาร บางครั้งอาจจะอยู่ทีภาชนะต่างหาก

มีคำเตือนอยู่บ่อยๆ เรื่องการล้างจานชาม และภาชนะต่างๆ ที่เราคิดว่าน่าจะสะอาดเพียงพอแล้ว แต่บางครั้งเราเองอาจจะลืมนึกถึงฟองน้ำล้างจานที่ยังคงมีเชื้อโรคแฝงอยู่มากมาย จนบางครั้งอาจจะกลายเป็นสาเหตุของโรคระบบทางเดินอาหารได้

สิ่งที่ควรทำก็คือ การนำฟองน้ำล้างจานมาตากแดด บีบน้ำทำความสะอาด และเปลี่ยนเมื่อใช้ไปสักระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งแม่แหม่มก็ทำอยู่เป็นประจำ


จนวันนี้มาเจอะเครื่องในฝันที่อยากได้มานานแล้ว ตั้งแต่อยู่คอนโดกันสองคน จนมีตัวเล็กเพิ่มมาอีกสองคน ก็ยังไม่ได้หันไปมองเครื่องล้างจานซักที จนมีโอกาสดีๆ ได้ทดลองใช้เครื่องล้างจานซีเมนส์ รุ่น SN26V896EU ดูก็ติดใจ เพราะความสะดวก สบาย ประหยัด และที่สำคัญคือเรื่องสุขอนามัยของทุกคน



ถามว่าทำไมถึงเลือกใช้เครื่องล้างจาน เหตุผลแรกคือ ประหยัดเวลา เพียงแค่ใส่จานเข้าไปในเครื่องล้างจาน แล้วปล่อยให้เครื่องทำงานไป พอเสร็จแล้วก็เอาจานออกจากเครื่อง มีเวลาไปเล่นกับลูก หรือไปทำอย่างอื่นที่สนุกกว่า เหตุผลถัดมาคือ ประหยัดไฟฟ้าและน้ำประปา เครื่องล้างจาน Siemens มาพร้อมกับคุณสมบัติของการประหยัดพลังงาน ใช้น้ำน้อย ประหยัดทั้งน้ำทั้งไฟ แถมยังช่วยให้ประหยัดเงิน และเหตุผลข้อสุดท้ายคือช่วยถนอมมือไม่ให้มือแห้งกร้านจากการแช่น้ำ และสารเคมีจากน้ำยาล้างจาน อย่างนี้ถูกใจเลย


แต่อีกเรื่องที่ลืมไม่ได้คือเรื่องสุขอนามัย เครื่องล้างจานซีเมนส์รุ่น SN26V896EU นี้ ล้างจานชามและภาชนะต่างๆ ด้วยการใช้อุณหภูมิสูงถึง 70-75 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะฟังก์ชั่นพิเศษ Hygiene ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ถึง 99.9% และยังมีการอบให้แห้งด้วย เทคโนโลยี Zeolite ซึ่งเป็นแร่ธรรมชาติที่ถูกเก็บไว้ด้านล่างตัวถัง ช่วยในการกักเก็บความชื้นแล้วปล่อยพลังงานความร้อนออกมาใช้ในการอบแห้ง ทำให้ภาชนะของเราแห้งสะอาดอย่างแท้จริง โดยที่เราไม่ต้องมาเช็ดภาชนะให้แห้งอีกครั้ง และเสี่ยงต่อการสัมผัสกับเชื้อโรคที่อยู่บนผ้าเช็ดจานอีกด้วย



แต่ประสิทธิภาพของเครื่องล้างจานเองก็จะไม่สมบูรณ์ ถ้าขาด Finish ผลิตภัณฑ์ล้างจานที่ซีเมนส์แนะนำให้ใช้ควบคู่กัน


ไม่ว่าจะเป็น ฟินิชเพาเวอร์แทป (25 ชิ้น) เป็นแบบชนิดเม็ด ด้วยสูตรพลังซัก 2 เท่า สามารถใส่จานชามที่สกปรกลงในเครื่องล้างจานได้ทันทีเม็ดพาวเวอร์ มีสารดูดซับคราบเปื้อน ซึ่งจะทำการสลายคราบอาหารที่ตกค้างหรือที่แห้งติดโดยทันที โดยที่ชั้นสีน้ำเงินจะทำลายสิ่งสกปรกจากอาหารที่ตกค้างให้หลุดออก และชั้นสีขาวจะเข้าชะล้างคราบสกปรกต่างๆ ให้หมดไป


ฟินิช พาวเดอร์ เป็นแบบชนิดผง ผงล้างจานสำหรับเครื่องล้างจานอัตโนมัติ ใช้ทำความสะอาดแก้วน้ำจานชามให้ใสแวววาว และช่วยสลายคราบที่ยากแก่การล้างให้หลุดออกไปได้อย่างง่ายดาย

ฟินิช รินซ์ เอด ผลิตภัณฑ์เพิ่มประสิทธิภาพในการล้างจาน ให้แก้วน้ำจานชามสะอาดแวววาว ด้วยเทคโยโลยี ฟินิช ไดมอนต์ชายด์ (Finish Diamond Shine) ทำให้แก้วน้ำ จานชามใสสะอาดเป็น ประกายเงางาม ทั้งยังสามารถป้องกันคราบน้ำและเส้นแนวต่างๆ ได้อีกด้วยค่ะ

ส่วนอีกตัวคือ ฟินิช สเปเชียล ซอลท์ เกลือเพื่อลดความกระด้างของน้ำ ซึ่งความกระด้างของน้ำประปาที่ใช้จะลดทอนประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องล้างจาน ฟินิช สเปเชียล ซอลท์  เป็นเกลือคุณภาพสูงที่มีความบริสุทธ์กว่า 99%


ทั้งหมดนี้มันทำให้ชีวิตแม่บ้านอย่างเราๆ สบายขึ้นจริงๆ และทำให้สุขอนามัยของครอบครัวดีขึ้น สุขภาพของคนในครอบครัวก็ดีขึ้นอีกด้วย แถมยังได้เรื่องความประหยัด ทั้งน้ำ ไฟ และเงิน อย่างนี้ก็ วิน วิน ด้วยกันทุกคนค่ะ

วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เมนูของทอดแสนอร่อยในวันหยุดแบบไม่ใช้น้ำมัน กับ Phillips Airfryer



วันหยุดบางครั้งก็ไม่ใช่วันหยุดหรอก เพราะอาชีพแม่ไม่มีคำนี้อยู่ในพจนานุกรม พอถึงวันหยุดก็ต้องหาอะไรมาทำให้ลูกๆ ทำกันตลอดๆ ถ้าไม่ใช่เรื่องเล่น เรื่องเที่ยว โดยเฉพาะเรื่องกิน ซึ่งถ้าเป็นเด็กที่กินง่าย ก็เข้าครัวทำให้กินกัน แต่ถ้าเป็นเด็กที่กินยากอย่างมามิแล้วล่ะก็ เป็นเรื่องปวดหัวมากๆ เลย เพราะนอกจากจะต้องถูกปากของนาง ยังต้องมีประโยชน์ควบคู่ด้วย ไม่งั้นจะยิ่งผอมเพรียวหนักเข้าไปอีก

อย่างมามิกับโมโม่เอง ชอบมากกับของทอด ไม่ว่าจะเป็นเฟรนช์ฟราย ไก่ทอด หรืออะไรกรอบๆ เป็นต้องร้องอยากกินตลอด ไอ้ครั้นจะทำให้กินตลอดก็กลัวจะไม่สบาย ซ้ำร้าย ถ้าจะซื้อมากินก็ไม่แน่ใจในคุณภาพและความสะอาดของน้ำมัน  ถ้าจะทอดเองก็ยังเปลืองน้ำมันด้วย เพราะทอดกันแต่ละทีก็ใช้น้ำมันกันท่วมกระทะ เปลืองที่สุด พอไปเห็นเจ้าเครื่องนี้ที่ในทีวีก็ปิ๊งเลย เพราะมันตอบโจทย์ของคนชอบของทอดมากเลย


มันคือเครื่อง Phillips Airfryer หรือ หม้อทอดอากาศ นั่นเอง ที่ว่ามันตอบโจทย์ก็คือ มันเป็นหม้อทอดอาหารด้วยเทคโนโลยี Rapid Air Technology ซึ่งเป็นระบบลมร้อนควบคู่กับการย่าง ทำให้อาหารสุกกรอบได้ทั่วถึง โดยไม่ต้องใช้น้ำมันแม้แต่หยดเดียว แถมยังรีดน้ำมันออกจากอาหารได้อีกด้วย ฟังดูดีเวอร์เกินห้ามใจ ก็เลยลองเมนูง่ายๆ ที่มามิโมโม่ชอบกินมากเลยคือ เฟรนช์ฟราย กับไก่ทอด ซะเลย


เริ่มจากเตรียมเฟรนช์ฟราย กับไก่ที่จะทอด เฟรนช์ฟรายดิบก็ใช้แบบสำเร็จรูปที่มีขายตามห้าง ส่วนไก่ก็เอาไปหมักซีอิ๊ว น้ำมันหอย กับกระเทียมนิดหน่อยพอหอมๆ แล้วพักไว้ก่อน จัดแจงเอาเฟรนช์ฟรายใส่เข้าไปประมาณครึ่งถุงเล็ก แล้วตั้งอุณหภูมิ 200 องศา ใช้เวลาประมาณ 12 นาที แล้วก็ปล่อยให้เครื่องทำงานไป เครื่องก็จะเริ่มทำงานจนถึงเวลาที่เราตั้งเอาไว้เครื่องก็จะหยุดทำงานโดยอัตโนมัติ เป็นการทำงานที่สะดวกมากๆ ทำให้เราสามารถไปทำอย่างอื่นได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าอาหารจะไหม้


ผลปรากฏว่าเฟรนช์ฟรายหอมกรอบน่ากินมาก แถมไม่มีน้ำมันเยิ้มๆ อย่างที่เคยทอดเลย เอาออกจากเครื่องมาไม่ต้องมาซับน้ำมันให้เสี่ยงอันตรายจากกระดาษทิชชู่ซับน้ำมันอีก ทำให้เฟรนช์ฟรายที่ใครๆ ก็รู้สึกว่ามันเป็นอาหารเสี่ยงอ้วน เสี่ยงคลอเรสเตอรอล ก็กลายเป็นอาหารที่มีคุณค่าขึ้นมา เพราะลดอันตรายจากน้ำมันที่ใช้ทอด และการอมน้ำมันขั้นสุดยอดของเฟรนช์ฟรายนี่เอง


จากนั้นก็เอาน่องไก่ที่หมักไว้เอามาวางในหม้อทอด ขนาดของหม้อที่มีความกว้างและลึกทำให้สามารถวางน่องไก่ใหญ่ๆ 4 น่องได้อย่างสบายๆ แถมมีที่เหลืออีก จัดการตั้งเวลา 20 นาทีอุณหภูมิ 180 องศา แล้วปล่อยให้เครื่องทำงาน และหยุดทำงานโดยอัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้องคอยเดินมาดู จนเครื่องส่งเสียงเตือนหยุดทำงาน ก็เปิดออกมาพบกับ น่องไก่กรอบๆ สุกเหลืองน่ากิน กรอบนอกนุ่มใน สุกทั่วถึงทั้งน่อง อย่างนี้เด็กๆ ชอบกินแน่นอน


หลังจากได้ลอง 2 เมนูนี้แล้ว เครื่อง Phillips Airfryer ก็สอบผ่านได้สบายๆ เหมาะสำหรับคนที่มีความสุขกับรสชาติเยี่ยมของอาหาร เพราะสามารถควบคุมรสชาติได้แม่นยำ เนื่องจากเป็นระบบดิจิตอล ใครสนใจอยากลองซื้อมาใช้ หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปค่ะ



มามิเห็นการทำงานของเครื่องนี้ก็ตื่นเต้นมาก อยากเข้ามามีส่วนร่วมทันที นี่ก็ต้องเตรียมคิดเมนูต่างๆ เอาไว้ทดสอบกันต่อไป และคราวหน้าก็จะให้มามิได้ลองทำด้วยตัวเอง อาจจะเป็นเมนูง่ายๆ เหมือนเดิม อย่างไส้กรอกพันเบคอน ก็น่าสน หรือว่าใครมีไอเดียก็ลองบอกกันได้นะคะ

วันพุธที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ประสบการณ์การใหม่ในการซื้อสินค้าออนไลน์ กับ Cdiscount



เนื่องจากครอบครัวเราชอบถ่ายรูปและถ่ายวีดีโอของลูกๆ ถ่ายตั้งแต่อยู่ในท้อง แรกคลอด ถ่ายแทบทุกวัน ทุกช๊อต ทุกโมเม้นเลยก็ว่าได้ คอมพิวเตอร์มีเมมโมรี่เท่าไหร่ ก็ไม่สามารถบรรจุรูปมากมายมหาศาลได้ เพราะกล้องสมัยนี้ความละเอียดของภาพสูง ขนาดไฟล์ก็ใหญ่ กินพื้นที่ในการเก็บมาก อีกอย่างจะเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์อย่างเดียวก็กลัวว่าวันนึงคอมเกิดเจ๊งขึ้นมารูปที่เก็บไว้หายไปหมดก็เป็นอันจบกัน เราจึกเลือกเก็บไฟล์รูปภาพไว้ในหลายรูปแบบมาก ทั้งไรท์ลงแผ่นเก็บไว้ และเก็บไว้ใน External Hard-disk ด้วย

เจ้า External Hard-disk ที่มีอยู่ตอนนี้รวมแล้วก็ 4 อัน และอันล่าสุดก็เกือบจะเต็มแล้ว เลยต้องหาอันใหม่มาใช้ค่ะ เลยหาข้อมูล ดูราคาไปเรื่อยๆ จนเปิดไปเจอว่า Cdiscount กำลังลดราคาอยู่ แถมยังลดสูงสุดถึง 50% แถมยังส่งฟรีถึงบ้านด้วย จะรอช้าอยู่ทำไม รีบกดไปช้อปทันทีเลยค่ะ


อ้อ!! ถ้าใครยังไม่รู้จัก Cdiscount ขอแนะนำแบบคร่าวๆ นะคะ Cdiscount เป็น Online Shopping ของ Big C ที่เขาร่วมทุนกับ Cdiscount ประเทศฝรั่งเศส และเพิ่งเปิดในไทยเมื่อต้นปีนี้เองค่ะ

จากหน้าแรกกดเข้าไปเจอสินค้าที่เป็น External Hard-Disk ให้เลือกมากมายทั้งราคา และความจุที่ต่างกันไป และแล้วก็ไปถูกใจ WD Element 2.5 USB 3.0 ขนาด 1TB จากราคา 4,279 ลดเหลือแค่ 2,114 บาท ประหยัดตั้ง 2,165 บาทเลยค่ะ และยังมีของแถมเป็น Tech Titan Anti Virus มูลค่า 450 บาทอีกด้วยค่ะ



เมื่อกดปุ่ม เพิ่มใส่ตะกร้า เพื่อสั่งซื้อ ก็จะขึ้นให้เลือกวิธีการจัดส่งสินค้า ซึ่งสินค้าที่เราซื้อเป็นแบบ ส่งด่วน ซึ่งวันที่เราสั่งซื้อคือ 22 กรกฏาคม 2014 ถ้าเลือกเป็นแบบธรรมดา ก็จะส่งให้ในวันถัดไปคือ 23 กรกฏาคม 2014 แต่ถ้าเลือกแบบด่วนคือ ส่งในวันนั้นเลย แต่ต้องจ่ายเพิ่มอีก 99 บาท เนื่องจากเราไม่ได้รีบใช้ เลยเลือกเป็นแบบธรรมดาค่ะ


เมื่อกดปุ่ม ดำเนินการต่อ ก็จะมาที่หน้าชำระเงิน ซึ่งทางเว็บจะให้เลือกวิธีการชำระเงิน ซึ่งสามารถชำระได้หลายช่องทางมาก ไม่ว่าจะเป็นผ่านบัตรเครดิต และ ผ่าน Partner ที่รับชำระเงินของ Cdiscount เราเลือกจ่ายผ่าน Internet Banking ค่ะ เพราะเราคิดว่าสะดวกสำหรับเรามากที่สุด


หลังจากเลือกวิธีการชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ก็จะไปที่หน้าใบเสร็จรีบเงินซึ่งจะแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าและการชำระเงิน รวมทั้งวิธีการชำระเงินผ่าน Internet Banking ไว้ให้เป็นขั้นตอนอย่างละเอียด จากนั้นเราก็เปิดไปที่เว็บไซต์ Internet Banking ของเราเพื่อทำการชำระเงินตามขั้นตอนที่ได้ระบุไว้ ก็เป็นอันเรียบร้อย ที่เหลือก็รอสินค้าส่งมาให้ที่บ้านค่ะ


ถึงวันกำหนดส่งของทางเจ้าหน้าที่ก็โทรศัพท์เข้ามาสอบถามที่อยู่ และสอบถามเส้นทางที่จะนำของมาส่ง และแล้วของที่ต้องการก็มาถึงมือเรียบร้อย สะดวก รวดเร็ว จริงๆ ค่ะ


ถ้าใครสนใจ แนะนำให้ไปลองสมัครสมาชิกไว้ก่อนก็ได้ค่ะ จะมีข่าวสารสินค้าราคาพิเศษ สินค้าลดราคา สินค้าแนะนำส่งให้ทางอีเมล์ทุกวันค่ะ น่าสนใจทั้งนั้น ตามไปเลยค่ะ : http://www.cdiscount.co.th 

วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เมนูวันหยุดสุดสัปดาห์ ซุปดอกไม้ใบหญ้า


เปิด บรีส Play Recipe สูตรเด็ดเล่นเลอะ เป็นสูตรสำหรับใช้ในบ้านสำหรับเล่นกันในวันธรรมดาหลังเลิกเรียนแล้ว วันหยุดสุดสัปดาห์เลยมานั่งหาสูตรเด็ดสำหรับเล่นนอกบ้านกันดีกว่า เจอสูตรเด็ดนี้ค่ะ “ซุปดอกไม้ใบหญ้า

อ่านแล้วน่าสนใจ เป็นการเล่นแบบง่ายๆ แต่เสริมสร้างจิตนาการเด็กๆ ได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ ทำให้แม่แหม่มย้อนนึกถึงการเล่นขายของตัวเองในวัยเด็ก เอากะลามะพร้าวมาทำเป็นถ้วยจาน เด็ดดอกไม้ ใบไม้มาใส่ เทน้ำลงไป ทำเป็นอาหาร เล่นกันสนุกสนานกับเพื่อนข้างบ้าน เล่นกันได้ทุกวันไม่มีเบื่อ
วันนี้เลยมาชวนมามิมาเล่นด้วยกัน อุปกรณ์มีอะไรบ้างมาดูกัน เริ่มจากไปหยิบ ถ้วย จาน ช้อน ซ้อม มีดพลาสติก ที่แม่ซื้อมาให้มามิเล่นในบ้านออกมา ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป จะไปหากะลามะพร้าวมาเล่นก็ไม่ได้หาได้ง่ายเหมือนเมื่อก่อนแล้วล่ะค่ะ อ้อ…อย่าหยิบกรรไกรเล็กๆ ซักสองสามอัน ติดมือมาด้วยนะคะ ไว้สำหรับตัดดอกไม้ ใบหญ้า และอีกอย่างที่ทำให้การเล่นครั้งนี้มีสีสันสดใสคือ สีผสมอาหาร หรือถ้าไม่มีใช้เป็นสีน้ำก็ได้ค่ะ


 มาเริ่มเล่นกันเลยนะคะ ขนอุปกรณ์ต่างๆ ที่เตรียมไว้ พร้อมด้วยโต๊ะญี่ปุ่นเล็กๆ ตัวนึงมาวางไว้กลางสวนหน้าบ้านเลยค่ะ จากนั้นก็เอาถ้วยที่เตรียมมาไปใส่น้ำ เราใช้น้ำจากบ่อปลาในสวนของเรานี่แหละค่ะ วันนี้เราคุยกันว่าจะทำกันซัก 3 เมนู ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นเมนูอะไร เติมน้ำในถ้วยให้ครบ 3 ถ้วย บีบสีน้ำลงไปแต่ละถ้วย มามิเลือกสีฟ้า สีเหลือง และสีม่วง คนให้เข้ากันก็จะได้น้ำซุปเป็นสีๆ ตามที่เราต้องการ

จากนั้นเราก็เดินสำรวจสนามหญ้า และรอบๆ บ้านเพื่อหาส่วนผสมต่าง ในการทำซุปดอกไม้ใบหญ้า และดอกไม้คุ้นเคยของมามิคือ ดอกลั่นทม และใบมะยม ที่เรานำมาทำมงกุฏดอกไม้กันในครั้งก่อน มามิเก็บทั้งสองอย่างนี้มาก่อนเลย ยังคิดไม่ออกหรอกว่าจะเอามาทำเมนูอะไร


ตามด้วยดอก Bird of Paradise ที่อาม่าปลูกไว้เลาะข้างรั้วข้างบ้าน และใกล้บ่อปลาหน้าบ้าน พอมามิเห็นดอกไม้ชนิดนี้ มามิบอกว่า มันดูคล้ายๆ กุ้งเลยค่ะ แม่แหม่มดูไปดูมา อืม…คล้ายจริงๆ ด้วย เด็กๆ นี่ช่างจินตนาการนะ แม่เลยเสนอว่า เราเอามาทำเป็นต้มยำกุ้งดีกันดีไม๊ เจ้ามามิตาเป็นประกาย ได้มา 1 เมนูแล้ว

ใกล้กันนั้นมีต้นหญ้าต้นใหญ่มีใบเป็นเส้นยาวๆ แม่บอกมามิว่าช่วยแม่คิดหน่อยว่าเราจะเอาไปทำเมนูอะไรดี อาหารอะไรที่เป็นเส้นยาวๆ มามิทำท่าคิดแป๊บนึงก็ตอบว่า บะหมี่ผักงัยแม่ เป็นเส้นยาวๆ สีเขียวๆ นั่นงัยได้อีกเมนูแล้วเป็นบะหมี่ลูกชิ้น เอาใบมะยมที่มีลักษณะกลมๆ รีๆ ทำเป็นลูกชิ้นก็แล้วกันนะ


เก็บดอกไม้ ใบไม้ ใบหญ้าเรียบร้อยแล้วก็มาเริ่มทำกันเลยค่ะ ด้วยความเคยชินมามิเริ่มเอาดอกลั่นทมมาตัดทีละกลีบๆ โดยใช้กรรไกรเล็กๆ แม่ถามมามิว่า มามิลองสังเกตดูสิคะว่ากลีบดอกลั่นทม มีลักษณะเหมือนอาหารชนิดไหน มามิตอบว่า มันเหมือนหอย มันมีสีขาว ดูคล้ายปลาหมึกด้วยค่ะ

งั้นเมนูแรกเรามาสมมติว่าเป็นแกงจืดปลาหมึกยัดไส้เพราะกลีบดอกลั่นทมสีขาวมองคล้ายปลาหมึก และเมนูที่สองก็คือต้มยำกุ้งจากดอก Bird of Paradise ที่เอากรรไกรตัดออกใส่ลงไปในชาม เมนูสุดท้ายบะหมี่ลูกชิ้นจากใบหญ้าใบยาว และใบมะยม มามิตัดดอกไม้ ใบไม้ และใส่ลงไปในถ้วยด้วยตัวเองโดยมีแม่คอยดูอยู่ใกล้ๆ


ทำอาหารเสร็จครบทั้ง 3 เมนูแล้วเราก็มาเริ่มจัดโต๊ะอาหารกัน เอ๊ะ!! ขาดอะไรไปนะ มีอาหารพร้อมรับประทานแล้วแต่ขาดข้าวสวย จะเอาอะไรมาทำเป็นข้าวสวยดีนะ เราเริ่มเดินหากันอีกรอบ ไปเจอใบไม้ชนิดนึงในสวน มีสีขาวปนเขียวนิด เอามาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ก็ทำเป็นข้าวได้สินะ ว่าแล้วก็เก็บมาคนละสี่ห้าใบ ระหว่างเดินกลับจากเก็บใบไม้เดินผ่านใต้ต้มหมาก มามิเห็นลูกหมากหล่นอยู่ เสนอแม่ว่าเราเอาลูกหมาก มาทำเป็นผลไม้ดีไม๊คะ แล้วเราก็ช่วยกันเก็บลูกหมากมา 5 ลูก


หลังจากหั่นใบไม้มาทำข้าวเรียบร้อยแล้วก็เอาน้ำใส่เข้าไปในแก้ว มามิวิ่งไปเก็บก้อนหินกลมๆ ขาวๆ จากสวนมา 3 ก้อนหย่อนลงไปในแก้วน้ำ โดยบอกแม่ว่ามันคือน้ำแข็ง น้ำจะได้เย็นๆ งัยคะอาหารพร้อมรับประทานแล้วค่ะ เมนูจากธรรมชาติที่หนูทำเอง เล่นจนเหงื่อท่วมตัว แต่หน้าตาดูมีความสุขมาก ”วันนี้หนูสนุกมากเลยค่ะ ไว้วันหลังเรามาเล่นกันอีกนะคะ คราวหน้าหนูจะทำเมนูอุด้งค่ะ”


ประโยชน์จากการเล่นในครั้งนี้แม่แหม่มคิดว่าเป็นการฝึกการสังเกตของมามิ ว่าดอกไม้ ใบไม้ที่เห็น เป็นพืชผัก และอาหารอะไรที่เราเคยเห็น ได้สังเกตธรรมชาติรอบตัวว่า ในสวนบ้านเรามีต้นไม้ ดอกไม้อะไรบ้าง และมีสีอะไร เด็กได้เคลื่อนไหวร่างกายในการเดินหาส่วนผสมต่างๆ ด้วย ได้เหงื่อกันเลยค่ะ




คลิกตามไปชมคลิป น้องมามิแนะนำอาหารค่ะ : http://youtu.be/RasW7lS2UAg

คุณพ่อคุณแม่ท่านไหน อยากหากิจกรรมสนุกๆ ให้ลูกๆ ได้เล่นกัน แต่คิดไม่ออกว่าจะเล่นอะไรกันดี แนะนำเลยค่ะ บรีส “Play Recipe: สูตรเด็ดเล่นเลอะ” มีสูตรเล่นเลอะให้เลือกเล่นได้มากมาย ไม่ว่าจะเล่นในบ้าน หรือนอกบ้าน

คลิกตามไปค้นหาสูตรเล่นเลอะกันได้เลย ที่ : http://www.dirtisgoodclub.com/playrecipe หรือใครมีสูตรเล่นเลอะเด็ดๆ อะไร นำมาแชร์กันได้นะคะ

วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

โบว์ลิ่งหรรษา DIY จากขวดชาเขียว



หน้าฝนแบบนี้เสาร์ อาทิตย์ช่วงเย็น แดดร่มลมตก ฝนก็มักจะตกลงมาเสมอ ไม่เว้นแม้แต่วันธรรมดา เลิกเรียนกลับถึงบ้าน จะให้เด็กๆ ขึ้นไปวิ่งเล่นบนดาดฟ้ากัน ฝนก็ตกลงมาแทบทุกวัน แถมฟ้าร้องเสียงดังเด็กๆ ตกใจกลัว ไม่กล้าออกนอกห้องกันเลย

พอเด็กอยู่ในบ้านก็ไม่พ้นดูทีวี เล่นไอแพด ไม่ได้การมาหาอะไรสนุกๆ เล่นกันดีกว่า มีอะไรให้ใหม่ๆ ให้เด็กๆ เล่นบ้างนะ เลยลองไปค้นหาสูตรเล่นเลอะที่ บรีส “Play Recipe: สูตรเด็ดเล่นเลอะ” เลยได้นี่มาค่ะ “โบว์ลิ่งหรรษา”


 ก่อนอื่นมาดูอุปกรณ์ก่อนว่ามีอะไรบ้าง อย่างแรกคือ ขวดพลาสติกใส แน่นอนว่าต้องเป็นขวดน้ำเปล่า แต่บ้านเราไม่ได้ซื้อน้ำเปล่าขวดเล็กมาดื่มกัน แต่ผู้ใหญ่ในบ้านเราดื่มกันบ่อยๆ คือชาเขียว แม่แหม่มเลยใช้เป็นขวดชาเขียวแทนค่ะ

และอย่างต่อไปคือ ข้าวสาร ลูกบอล และสีผสมอาหาร ตามสูตรที่เค้าให้มา จะให้นำข้าวสารมาย้อมเป็นสีต่างๆ ให้สวยงาม แล้วใส่ข้าวสารลงในขวดพลาสติกใส แต่แม่แหม่มเห็นว่า ไม่อยากเอาข้าวสารมาคลุกสีเล่น เพราะถ้าเบื่อ หรือเลิกเล่นแล้วคงเอามาทานอีกไม่ได้ ถึงแม้จะใช้สีผสมอาหาร แต่ถ้าข้าวเป็นสีๆ คงไม่มีใครอยากกินเป็นแน่ เลยเพิ่มอุปกรณ์มาอีก 3 อย่างคือ กระดาษ A4 สีขาว ปากกาเมจิกหลากสี และกาวลาเทกซ์


มาเริ่มทำกันเลยค่ะ เริ่มจากนำขวดชาเขียวประมาณ 8-10 ขวด ไปล้างให้สะอาด และคว่ำไว้ให้แห้ง พอแห้งแล้ว นำแกะแผ่นพลาสติกออกข้างขวดออกให้หมด เหลือแต่ขวดใสๆ จากนั้นนำกระดาษ A4 มาวัดรอบขวด และตัดเป็นแผ่นยาวพอดีสำหรับติดรอบขวดชาเขียว


จากนั้นก็มาแสดงฝีมือด้านศิลปะกัน ให้เด็กๆ ช่วยกันวาดรูป ระบายสีด้วยสีเมจิก ลงในแผ่นกระดาษสำหรับที่จะนำไปติดข้างขวดกัน อยากจะวาด หรือเขียนอะไร แล้วแต่จินตนาการเลยค่ะ เจ้ามามิชอบวาดรูปนางเงือก ผี เสื้อ พอเบื่อๆ แผ่นใหม่ก็ให้เขียนรูปทรงเรขาคณิตลงไปบ้าง ตัวอักษะ A-Z บ้าง ตัวเลข 1-10 บ้าง เรียกว่าสนุกสนานไป

แต่ตอนระบายสี ต้องระวังหน่อยนะคะ อย่าให้เลอะเสื้อ หากเสื้อเลอะสีเมจิก ให้ถูรอยเปื้อนด้วยน้ำมันสน แล้วนำไปซัก แค่นี้คราบก็จะหายไปค่ะ ตามไปอ่านวิธีขจัดคราบเลอะจากสีชนิดต่างๆ ได้ที่ Laundry Tips นะคะ


หลังจากระบายสีเสร็จแล้วก็นำมาติดที่ข้างขวดให้ครบทุกขวด แล้วนำข้าวสารมาใส่ในขวดทีละขวด ไม่ต้องใส่เข้าไปเยอะ แค่ครึ่งขวดพอค่ะ จากนั้นก็ปิดฝาขวดให้สนิท ขั้นตอนนี้มามิชอบมาก ได้ใช้มือน้อยๆ กรอกข้าวสารลงไปในขวด ต้องค่อยๆ ทำนะคะ ไม่อย่างนั้นจะหกกระเด็นเต็มพื้นค่ะ


พอใส่ข้าวสารลงไปในขวดปิดฝาเสร็จแล้ว มามิยกขึ้นมาเขย่า ได้ยินเสียงข้าวสารกระทบกับขวดดังแซคแซค เริ่มมีขยับแข้งขยับขา ทำท่าร้องเพลง แล้วหันมาบอกแม่ว่า “เหมือนมาราคัสเลยแม่” (มาราคัส หรือ ลูกแซค (Maracas) เป็นเครื่องดนตรีเขย่าให้เกิดเสียงซ่าๆ) การประดิษฐ์ของเล่นของเราในวันนี้ได้ทั้งลูกโบว์ลิ่ง ได้ทั้งมาราคัสด้วย คุ้มจริงๆ

กว่าจะทำเสร็จก็ค่ำ หลังจากให้เด็กๆ ไปอาบน้ำ ทานข้าวกันเรียบร้อยแล้ว เรามาเริ่มเล่นโบว์ลิ่งกัน วิธีการเล่นไม่ยากเลย แค่นำเรียงขวดบนพื้นตามแนวนอน หรือวางเรียงกันคล้ายพินโบว์ลิ่ง แล้วโยนบอลให้ขวดล้มลง แล้วนับคะแนนที่ได้ตามจำนวนขวดที่ล้ม ใครล้มมาก ได้คะแนนมาก


สำหรับการเล่นโบว์ลิ่ง  ประโยชน์ที่จะได้รับคือการสร้างกล้ามเนื้อใหญ่บริเวณแขนขา  เวลาถือลูกหรือเดินเข้าไปโยนได้ใช้กล้ามเนื้อแต่ละส่วนเต็มที่  เวลาเอี้ยวตัว  แขน  ขา  และสติปัญญา  ทำงานสัมพันธ์กันโดยตรง  สายตาจ้องที่เป้าหมาย  สมองคิดและสั่งการเพื่อให้ลูกไหลตรงกลางจุด
และที่สำคัญเป็นกีฬาในร่ม โบว์ลิ่งหรรษาที่แม่แหม่มและมามิช่วยกันประดิษฐ์ขึ้นมานี้ ใช้เล่นในบ้านได้ ไม่ว่าจะห้องนอน ห้องนั่งเล่น เพราะใช้พื้นที่ไม่เยอะ เด็กๆ ก็สนุกสนานกับการโยนลูกบอล การวิ่งไปเก็บลูกบอลอีกด้วยค่ะ


คุณพ่อคุณแม่ท่านไหน อยากหากิจกรรมสนุกๆ ให้ลูกๆ ได้เล่นกัน แต่คิดไม่ออกว่าจะเล่นอะไรกันดี แนะนำเลยค่ะ บรีส “Play Recipe: สูตรเด็ดเล่นเลอะ” มีสูตรเล่นเลอะให้เลือกเล่นได้มากมาย ไม่ว่าจะเล่นในบ้าน หรือนอกบ้าน คลิกตามไปค้นหาสูตรเล่นเลอะกันได้เลย

ที่ :  http://www.dirtisgoodclub.com/playrecipe หรือใครมีสูตรเล่นเลอะเด็ดๆ อะไร นำมาแชร์กันได้นะคะ