วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับนม U.H.T. สำหรับเด็ก


แม่แหม่มได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรม “เปิดบ้านเอนฟา ตอน รู้ลึกเรื่องนมยูเอชที” และได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนๆ คุณพ่อ คุณแม่ blogger ผู้รู้ และคุณหมอ หนึ่งวันเต็มๆ ที่ได้ไปร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ได้รับความรู้และสาระดีๆ มามากมายเลยอยากจะนำมาฝาก คุณแม่ คุณแม่ทั้งหลายที่มีลูกในวัยที่ดื่มนมกันนะคะ

โดยช่วงเช้าได้ฟังสัมภาษณ์พิเศษ “รู้ลึกคุณค่าสารอาหาร ส่วนผสมของนม UHT” พร้อมชมวิธีการสาธิตส่วนประกอบในนม UHT โดยฝ่ายวิจัยและพัฒนา จาก บริษัท มี๊ด จอห์นสัน นิวทริชั่น (ประเทศไทย) จำกัด

เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ทุกคน เวลาเลือกนมให้ลูก ต้องอ่านที่ข้างกล่องกันทุกคนว่า มีส่วนประกอบ และมีสารอาหารอะไรบ้าง ที่สำคัญคือต้องวันหมดอายุด้วย เรามาดูกันให้ชัดๆ อีกทีว่าในนม U.H.T. 1 กล่องที่ลูกเราดื่มเข้าไปนั้นมีส่วนประกอบอะไรบ้าง ตัวอย่างเป็นนม ยูเอชที เอนฟาโกร ซึ่งจะมีส่วนประกอบหลักๆ 3 อย่าง อย่างแรกคือ Whole milk powder นมผเต็มไขมัน เป็นนมผงที่มี โปรตีน 26-28% ไขมัน 26-28% และ คาร์โบไฮเดรต ประมาณ 9-10% อย่างที่สองคือ Encapsulated ARA/DHA กรดไขมันตระกูลโอเมก้า 3 และ โอเมก้า 6 ที่เป็นโครงสร้างสำคัญของเซลล์สมอง และอย่างสุดท้ายคือ Vitamin & Mineral วิตามิน C,K,E, B1, B3, B5, B6, B12 และโฟเลต แร่ธาตุ แมกนีเซี่ยม โพแทสซี่ยม เหล็ก ซิงค์ แมงกานีส คอปเปอร์


 หลายคนคงสงสัยว่านม U.H.T. ที่ลูกเราดื่มกันทุกวัน ที่บอกว่ามี ARA/DHA นั้น มันมีประโยชน์จริงหรือไม่ อย่างไร หรือเป็นแค่กลยุทธ์ทางการตลาด จากคำบอกเล่าของนายแพทย์พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการ และพฤติกรรม คณะแพทย์ศาสตร์ วชิรพยาบาล กล่าวว่า DHA นั้น ปกติจะมีในนมแม่ เป็นสารที่ช่วยให้สารอาหารดูดซึมเข้าไปในผนังเซลล์ของเราได้ดี ดังนั้น DHA มีในนมแม่ ซึ่งดีและมีประโยชน์มากๆ เพราะฉะนั้นเด็กควรได้รับนมแม่อย่างน้อย 6 เดือน ในขณะเดียวกันแม่ที่ไม่สามารถเลี้ยง ลูกด้วยนมแม่เอง ควรเลือกนมผสมที่มีส่วนประกอบของสาร DHA เพื่อเพิ่มสารตัวนี้ให้พอเพียงต่อความเจริญเติบโตของสมอง ซึ่งสารประกอบของ DHA ในนมผสม เพราะในนมวัวนั้น ไม่มี DHA จึงต้องเติมเข้าไป

แต่ทีนี้หลายคนสงสัยว่า DHA ช่วยดูดซึมได้มากขึ้นจริงหรือ คำตอบคือถ้ามี DHA แล้วร่างกายจะดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่มากนัก ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย แน่นอนว่าไม่มีอะไรที่ทดแทนนมแม่ได้ ดังนั้นควรจะให้เด็กทานนมแม่จะดีที่สุด แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องดื่มนมวัว หรือจะดื่มนมเสริม การที่มี DHA ก็จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้ดีขึ้น ถึงแม้จะไม่ดีเท่านมแม่แต่ก็ดีกว่าไม่มีซะเลยค่ะ

กระบวนการผลิตนมยูเอชทีนั้นจะผ่านกรรมวิธีฆ่าเชื้อโรคที่อุณหภูมิ 135-150 องศาเซลเซียส ในระยะเวลา 2-4 วินาที ทำให้สามารถเก็บรักษาได้นานถึง 9 เดือนที่อุณหภูมิห้องโดยไม่ต้องแช่เย็น และไม่ทำให้คุณค่าของสารอาหารและรสชาดเปลี่ยนไปค่ะ ซึ่งในนมยูเอชทีเอนฟาโกร 1 กล่อง ประกอบด้วยสารอาหารถึง 35 ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีประโยชน์อย่างไรบ้างนั้นคงผ่านตามของคุณพ่อ คุณแม่ทุกท่านกันมาแล้วนะคะ เด็กๆ ควรดื่มนมอย่างน้อยวันละ 3 กล่อง เพื่อให้ลูกๆ ได้รับสารอาหารโดยเฉพาะ DHA และ ARA ไปเสริมสร้างสมองได้อย่างครบถ้วนค่ะ


 หลังจากได้รับความรู้เรื่องคุณค่าอาหารและส่วนผสมของนมยูเอชทีเสร็จ ก็ถ่ายรูปร่วมกันแล้วออกเดินทางไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตนมยูเอชทีเอนฟาโกร ที่จังหวัดสมุทรปราการ พอไปถึงก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ก่อนเข้าชมโรงงาน ทางทีมงาน ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับไลน์การผลิต และข้อแนะนำ ข้อควรระวังต่างๆ ก่อนเข้าชมโรงงาน เนื่องจากโรงงานเป็นระบบปิดเพื่อให้ปลอดเชื้อ เหล่าสมาชิกคุณพ่อ แม่ทุกคนจึงต้องทำการเปลี่ยนชุดเพื่อความสะอาด และความปลอดภัยก่อนเข้าชมกระบวนการผลิต โดยเราจถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม/กลุ่มละ 7 คน เพื่อความใกล้ชิดในการเรียนรู้ค่ะ เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าไปดูการผลิตของจริงแบบเห็นกับตาทุกขั้นตอนเลยค่ะ ทำให้รู้ว่ากว่าจะได้นมยูเอชทีขึ้นมา 1 กล่องต้องผ่านกระบวนการ และขั้นตอนอะไรบ้าง ถึง 6 ขั้นตอนด้วยกันค่ะ


โดยขั้นแรกจะเริ่มต้นด้วยการตรวจสอบคุณภาพของวัตถุดิบ ขั้นที่สองจะเป็นกระบวนการนำเข้าสู่การกำจัดสิ่งปนเปื้อนโดยผ่านเครื่องปรับ ปริมาณไขมันและเครื่องโฮโมจิไนเซอร์เพื่อทำให้โปรตีนนมและไขมันนมแตกตัวเป็นโมเลกุลเล็กกระจายเป็นเนื้อเดียวกันในนม ต่อด้วยขั้นที่สามการผ่านเข้าสู่การฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิ 133-150 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 2-4 วินาที และจัดพักไว้ในถังปลอดเชื้อ ขั้นตอนที่สี่ เติมเกลือแร่ วิตามิน และทำการวิเคราะห์สารอาหารเพื่อให้ได้คุณค่าสารอาหารตรงตามมาตรฐาน หลังจากนั้นขั้นตอนที่ห้าคือการบรรจุนมใส่กล่องด้วยเครื่องบรรจุปลอดเชื้อ ขั้นตอนนี้พวกเราเข้าไปดูใกล้ๆ ไม่ได้ ทำได้แค่ชะโงกดูผ่านห้องกระจก แต่ก็เห็นชัดเจนเลยค่ะ และขั้นตอนสุดท้ายคือการตรวจสอบมาตรฐานก่อนน้ำออกไปวางจำหน่ายค่ะ


จากการได้ไปเยี่ยมชม และได้ดูทุกขั้นตอนการผลิตอย่างใกล้ชิด ทำให้มั่นใจได้เลยว่าทุกขั้นตอนการผลิตสะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน และมั่นใจได้จริงๆ ค่ะ หลังจากเยี่ยมชมโรงงานเสร็จก็รับประทานอาหารร่วมกัน ระหว่างรับประทานอาการ และนั่งรถทั้งไป และทั้งกลับด้วยกันได้พูดคุย และเปลี่ยนความคิดเห็นกันหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องพัฒนาการ การเลี้ยงดู การเรียน โรงเรียน และการจัดกิจกรรมต่างๆ ให้กับลูก กับคุณพ่อ คุณแม่ blogger และทีมงาน  ทริปนี้สนุกสนานเฮฮา และเป็นกันเองมากเลยค่ะ
สุดท้ายเป็นการพูดคุยกับคุณหมอ ซึ่งนายแพทย์พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการ และพฤติกรรม มาตอบคำถามและข้อสงสัยต่างๆ ของบรรดาคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายซึ่งตัวแม่แหม่มเองก็ได้ถามถึงเรื่องการเลิกดูดขวดนมของโมม่ คุณหมอแนะนำ 2 วิธีคือ วิธีแรกการหักดิบ คือเอาขวดไปซ่อน เอาไปเก็บไว้ให้ใดชิด แล้วบอกลูกว่าแม่เอาขวดนมไปทิ้งหมดแล้ว ไม่มีขวดนมแล้วนะหนูต้องกินนมจากหลอดหรือแก้วแทน ลูกอาจจะโยเยและไม่ยอมกินสักอาทิตย์ถึงสองอาทิตย์ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ต้องอดทน ห้ามใจอ่อน ส่วนวิธีที่สองคือ ค่อยๆ ลดปริมาณส่วนผสมของนมให้น้อยลง คือชงให้เจือจางมากขึ้นเรื่อยๆ พอมันไม่หวานมันอร่อย เค้าก็จะเลิกกินไปเอง แล้วให้ทานนมจากหลอดหรือดื่มจากแก้วแทน แต่คุณหมอบอกว่าแนะนำวิธีแรก ได้ผลเร็วกว่า


คุณหมอแนะนำว่า ถ้าเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไปแล้วนั้น ให้เน้นอาหาร 3 มื้อ 5 หมู่เป็นหลัก เด็กต้องทานให้ครบ แล้วให้ดื่มนมเป็นอาหารเสริมแทน ดื่มนมที่มีส่วนผสมของ DHA ด้วยก็จะดีมาก จะเป็นนมผงแบบยูเอชที หรือแบบผงชงก็ได้ แบบชงจะดีตรงที่เราเลือกให้สารอาหารเข้มข้นอยากชงยังไงก็ได้ตามที่เราต้องการ แต่ถ้าเป็นแบบยูเอชที ก็จะสะดวกเวลาต้องออกไปธุระข้างนอก ไม่ต้องเตรียมอะไรไปมากมาย ได้สารอาหารที่มีประโยชน์เหมือนกัน

การได้เข้าร่วมกิจกรรมเปิดบ้านเอนฟาในครั้งนี้ได้รับความรู้และประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมเลยค่ะ ขอขอบคุณ บริษัท มี๊ด จอห์นสัน นิวทริชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ที่เชิญแม่แหม่มเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ และให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและเป็นกันเองมากมายเลยค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น