วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555

IKEA : Smales X'MAS Paty : ปาร์ตี้วันคริสต์มาสต์กับชาวสมอลล์


เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมามามิกับเพื่อนๆ ไป ร่วมงานปาร์ตี้ฉลองวันคริสต์มาสกับพี่อังนา คุณลุงซานต้าและเพื่อนๆ ชาวสมอลส์ ที่ร้านอาหาร IKEA บางนามาค่ะ งานนี้เค้าเปิดให้น้องๆ ชาวสมอลล์ลงทะเบียนเข้าร่วมงานที่บ้านเต่าทอง ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย. – 14 ธ.ค. 2555 รับ จำนวนจำกัดแค่ 25 คนเท่านั้นเองค่ะ ใครลงทะเบียนก่อนได้ก่อนว่างั้น และเค้าให้สิทธิพิเศษสำหรับ น้องๆที่ลงทะเบียนเข้าร่วมงานไว้ สามารถพาเพื่อนอายุ 4 – 10 ขวบเข้าร่วมงานได้อีก 1 คนค่ะ ค่าตั๋วเข้างานครั้งนี้ 2 ดอลลาร์ ถือว่าคุ้มมาก ขนม อาหาร เครื่องดื่มและกิจกรรมดีสนุกสนานมากมายเลยค่ะ


โดยตอนลงทะเบียนเข้าร่วมงานพี่ๆ จะให้น้องๆ จับฉลากแบ่งกลุ่มเป็น 4 กลุ่ม เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมทั้ง 4 ฐาน มามิจับได้กลุ่ม Santa สีแดงค่ะ กิจกรรมโซนแรก Santa Jump เด็กๆ ได้กระโดโลดเต้นกันอย่างสนุกสนาน โซนที่ 2 Sweet Snow ตกแต่งกล่องขนมกัน โดยการเอามาร์ชเมลโล่ กับตุ๊กตาที่ทำจากน้ำตาลรูปแซนต้ามาตกแต่งในกล่องให้สวยงาม โซนที่ 3 X'smas Tree ตกแต่งตันคริสต์มาสต์ต้นเล็กๆ ด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ และโซนสุดท้าย Snowman Cake เด็กน้อยสนุกสนานกับการตกแต่งเค้กสีชมพูด้วยซอสส้ม ช็อคโกแลต กันสนุกสนานเลยค่ะ


พอเสร็จกิจกรรมทุกฐานแล้ว เด็กๆ ก็จะออกมาทานอาหารร่วมกัน เมนูวันนี้เป็นนักเก๊ต และแพนเค้กซอสครีมเห็ด อร่อยมาก มามิกินได้เยอะเลย หลังจากเด็กๆ ทานอาหารเสร็จแล้วก็กลับเข้าไปฟังนิทานกัน จับรางวัลเสร็จแล้วก็กลับบ้านได้เลย งานนี้เด็กๆ กล่องขนม Sweet Snow, Snowman Cake และต้นคริสต์มาสกลับบ้านด้วยค่ะ หิ้วมากันคนละถุงเลย โดยกิจกรรมทั้งหมดให้เด็กๆ ได้เล่นสนุกร่วมกันโดยมีพี่สต๊าฟคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนคุณพ่อ คุณแม่ ทางสต๊าฟให้นั่งรอที่ด้านนอก หรือจะไปช้อปปิ้งรอก็ได้ แล้วกลับมารับเด็กๆ หลังเลิกงาน ส่วนแม่กะปะป๊า ไม่ได้ไปไหนไกล เดินวนเวียนๆ และพยายามใช้กล้องซูมลูกสาวและเพื่อนๆ ตอนทำกิจกรรมแถวๆ นั้นแหละค่ะ มามิสนุกมากจนลืมไปปวดฉี่ไปเลยทีเดียว (ปกติฉี่บ่อยมากกกก)


เสร็จแล้วมามิจูงมือน้องพราวด์ไปเล่นต่อกันที่ Small ไม่ได้ไปไหน ปีนป่ายอยู่ในบ่อบอลกันทั้งคู่ หมดเวลาแล้วก็ไม่ยอมออก จนต้องเรียกแล้วเรียกอีก ครั้งนี้เป็นการได้เข้า Small ครั้งแรกของมามิ เพราะเด็กน้อยใฝ่ฝันมานานแล้วว่าถ้าครบ 4 ขวบเมื่อไหร่ หนูจะได้เข้าไปเล่นกับเค้าซักที บ้านเราชอบกิจกรรมที่ IKEA จัดมากเลยค่ะ "ปล่อยพลัง สร้างสรรค์ ไม่แข่งขับกับใคร" ไม่ใช่การประกวด ไม่ใช่การเดินแบบ ไม่มีที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 เด็กทุกคนเป็นคนสำคัญเหมือนกันหมด ทำกิจกรรมร่วมกันอย่างสนุกสนาน ครั้งที่แล้วได้ไปร่วมกิจกรรมตกแต่งกรอบรูป และได้รูป และกรอบรูปสวยๆ กลับบ้าน คริสต์มาสปาร์ตี้ครั้งนี้มามิบอกสนุกมากมาย


เจอกันอีกครั้งงานวันเด็กนะคะ สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากไปร่วมกิจกรรมกับทาง IKEA สามารถติดตามข่าวสารที่เว็บไซต์ของ Smales ได้เลยค่ะ : http://www.smalesthailand.com/th/index.asp ปล. ไปชมรูปภาพเพิ่มเติมใน Fanpage ของมามินะคะ : http://www.facebook.com/mamifan

วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555

มื้อเที่ยงวันอาทิตย์กับเมนูไข่พระอาทิตย์



ปกติอาม่าจะเป็นคนทำกับข้าว ให้มามิทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตย์ อาม่าจะไปอยู่ที่บ้านลาดพร้าว เช้าและเที่ยงวันอาทิตย์มามิก็จะได้ทานกับข้าวฝีมือแม่ซึ่งจะเป็นเมนูง่ายๆ ไข่ต้ม ไข่ตุ๋น ไข่เจียว ไข่น้ำ ต้มบะหมี่ใส่ไข่และผัก ทุกครั้งที่แม่ทำกับข้าวมามิจะอาสามาเป็นลูกมือตลอด มามิชอบให้แม่ทำไข่เจียว เพราะมามิได้ตอกไข่ และตีไข่ ตอนแม่เจียวไข่มามิจะก็ถือจานยืนรอ พอไข่สุกมามิก็จะรีบยื่นจานให้แม่ แม่ตักใส่จานเสร็จมามิก็จะเอามาวางที่โต๊ะ แล้วปีนขึ้นเก้าอี้ไปนั่งกินทันที พร้อมกับพูดว่า "แม่ขา...ไข่เจียวห๊อม หอม มันน่ากินมากๆ เลยนะแม่"

หนูพร้อมจะตีไข่แล้วค่ะ

คราวที่แล้วจำได้ไม๊คะว่าเราทำแซนวิชไข่เจียวกัน คราวนี้จะทำไข่เจียวอีกก็ดูธรรมดาไป วันอาทิตย์ ทำไข่พระอาทิตย์ละกัน พอดีเคยไปอ่านในเน็ตว่าเป็นเมนูที่อร่อย และทำง่ายมาก ก็เลยอยากลองทำดู บอกมามิว่า "วันนี้แม่จะทำไข่พระอาทิตย์นะ" มามิได้ยินก็ทำหน้างงๆ แต่พอถึงหยิบไข่ออกมาวาง มามิก็รีบปรี่เข้ามาช่วยตอกไข่ ตีไข่ทันที เครื่องปรุงก็มี ไข่ไก่สด ตราซีพี โอเมก้าพลัส 1 ฟอง ข้าวสวยประมาณ 1 ทัพพี น้ำปลา และน้ำมันพืช

คนคน ตีตี มีความสุขจริงๆ

วิธีทำก็เหมือนการทำไข่เจียวเลยค่ะ ตีให้ไข่ขาวและไข่แดงเข้ากัน ใส่ข้าวสุกประมาณทัพพีแล้วหนึ่งคนให้เข้ากัน เติมน้ำปลาลงไปนิดหน่อย ตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อยไม่ต้องใส่มากเหมือนทำไข่เจียวนะคะ พอน้ำมันร้อนได้ที่เทไข่ที่เราผสมข้าวลงไป ทอดจนสุกทั้งสองด้าน เสร็จแล้วตักใส่จาน ก็จะได้ไข่พระอาทิตย์ที่ตรงขอบจะกรอบ และด้านในจะนุ่มค่ะ

 เทไข่ที่เราผสมข้าวลงกระทะพอเสร็จแล้วกลับด้านหน้าตาน่าทานแล้วใช่ไม๊คะ

มามิชอบกินแครอท และบล็อคเคอรี่ พอดีมีทั้งสองอย่าง และข้าวโพดอ่อนอยู่ในตู้เย็นด้วย แม่แหม่มก็เลยจับโยนหม้อต้มให้สุกแล้วเอามาประดับตกแต่งจานให้ดูน่ากิน พอตกแต่งเสร็จมามิตื่นเต้นมาก จนร้อง "ว๊าววว แม่ มันเหมือนพระอาทิตย์ จริงๆ ด้วย" แม่วิ่งไปหยิบกล้องมาถ่ายแทบไม่ทัน เจ้ามามิหยิบข้าวโพดอ่อน กับบล็อคเคอรี่เข้าปากเคี้ยวแก้มตุ่ยเลย


กินไปได้นิดนึงหันไปมองดู นาฬิกา ตายละวา...มัวแต่ทำกับข้าวลืมดูเวลา จะต้องรีบออกไปธุระนอกบ้านกัน เจ้ามามิกินข้าวช้าด้วยกลัวว่าจะไปไม่ทันก็เลยบอกมามิว่า "เดี๋ยวแม่เอาใส่กล่องไปกินในรถได้ไม๊" มามิบอก "ได้ค่ะ ทำเป็นข้าวกล่องเหมือนอาทิตย์ที่แล้วนะแม่" เอางัยดีกล่องข้าวอันนิดเดียวไข่พระอาทิตย์มันกลมๆ ใหญ่ๆ ใส่เข้าไปทั้งแผ่นไม่ได้แน่ๆ ไปหยิบมีดมาเตรียมจะหั่นเป็นชิ้นรูปสี่เหลี่ยมแล้วล่ะ แต่นึกได้ มีพิมพ์รูปกระต่าย หมี และดาวอยู่นี่นา

คราวที่แล้วทำแซนด์วิชพี่กระต่ายไปแล้ว คราวนี้ทำเป็นพี่หมีดีกว่า เอาพิมพ์มากดอย่างรวดเร็วได้พี่หมี 4 ตัว มามิบอกว่า เป็นพ่อ แม่ มามิ และโมโม่ รีบจับใส่กล่อง แล้วเอาแครอทและผักที่ต้มประดับจานไว้ตามลงด้วย


พอขึ้นรถมามิรีบขอกินทันทียังไม่ทันจะเที่ยงเลย วันนี้กินข้าวเช้าสายด้วยดูแล้วไม่น่าจะหิว แต่เป็นเพราะอยากกินมากกว่า ขับรถไปยังไม่ถึงที่นัดหมายเลย มามิจัดการข้าวกล่องหมดเลี้ยง กินไปชมไป "มันอร่อยมากเลยแม่ วันหลังแม่ทำให้มามิกินอีกนะ" เห็นลูกกินง่ายและกินได้เยอะแบบนี้แม่ละปลื้มจริงๆ ไว้วันหลังแม่จะทำให้กินอีกนะเจ้ามามิ

ปล. ขอเล่าถึงที่มาของไข่พระอาทิตย์กันนิดนึงนะคะ "ไข่พระอาทิตย์" เป็นสูตรอาหารที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ นำไปตีพิมพ์ลงในหนังสือ " สูตรอาหารต้นตำหรับข้าวหอมมะลิไทยในครัวนานาชาติ" โดยหนังสือเล่มนี้ได้เผยแพร่ไปทั่วโลก เพื่อประชาสัมพันธ์ข้าวหอมมะลิของไทยให้เป็นที่รู้จักของทุกประเทศ

สำหรับ ที่มาและวิธีทำ ของสูตร อาหารพระราชทาน " ไข่พระอาทิตย์" กรมการค้าต่างประเทศได้อัญเชิญลายพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาบันทึกไว้ ในหนังสือ " สูตรอาหารต้นตำหรับข้าวหอมมะลิไทยในครัวนานาชาติ" ความว่า " เมื่อข้าพเจ้ายังเด็ก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยทรงประกอบอาหารพระราชทานเรียกว่า ไข่พระอาทิตย์"

มีผู้ถามว่าทำไมเรียกว่าไข่พระอาทิตย์ ข้าพเจ้าทูลถาม ทรงเล่าว่า เมื่อส่องกล้องแล้ว พื้นผิวดวงอาทิตย์มีลายเหมือนเมล็ดข้าว ภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า " Grain de riz" ข้อมูลจากเว็บ 108health.com ค่ะ

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

ข้าวกล่องเมนูไข่เก๋ไก๋ แซนด์วิชไข่เจียว


ไม่รู้ว่าเบื่อเมนูไข่กันหรือยังคะ เพราะมามิไม่เคยจะเบื่อเมนูไข่เลย จะยังไงก็ขอกินอยู่เรื่อยๆ ตัวแม่เองก็ต้องคอยหาอะไรที่มันแปลกๆ มาให้กับมามิเรื่อยๆ เหมือนกัน เพราะกลัวมามิจะกินอย่างอื่นไม่เป็น เมนูไข่วันนี้ก็เลยทำเป็นไข่เจียวให้ แต่ถ้าเป็นไข่เจียวธรรมดามามิจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ กินไม่กี่คำก็ไม่ยอมกินต่อ ก็เลยต้องพลิกแพลงนิดหน่อย แต่งเติมอีกนิดเพื่อหลอกล่อเด็กน้อยคนนี้

นอกจากไข่แล้ว มามิก็ชอบกินขนมปัง ถ้ายังงั้นทำแซนด์วิชไข่เจียวละกัน

แต่ถ้าเป็นแซนด์วิชไข่เจียวเฉยๆ แม่แหม่มว่ามามิก็คงไม่สนุก ก็เลยไปหาอุปกรณ์ทำแซนด์วิชจากร้านเดิม เป็นพิมพ์ประกบแซนด์วิชและตัดขอบขนมปัง แถมยังได้พิมพ์กดขนมปังรูปกระต่าย กับพี่หมีมาอีก อืมมม น่าจะพอหลอกล่อได้นะ


 ขั้นแรกก็เตรียมไข่เจียวก่อน แม่ก็เลยเรียกมามิมาเป็นผู้ช่วย สำหรับเด็กอย่างมามิ ถ้าได้มีส่วนร่วมกับพ่อแม่ จะมีความสุขมาก ก็เลยยกหน้าที่ตีไข่ให้กับมามิไป แม่แหม่มเลือกใช้ไข่ไก่สด ตราซีพี โอเมก้าพลัส เหมือนเดิม ที่ชอบก็เพราะว่าคุณค่าโอเมก้า3 ที่เพิ่มขึ้นมา มีประโยชน์กับเด็กวัยกำลังโตอย่างมามิจริงๆ ค่ะ ส่วนการปรุง การทอด ก็เป็นเรื่องของแม่แล้วล่ะ ไข่เจียวที่จะใช้ ควรจะทอดด้วยน้ำมันน้อยๆ ให้พอเหลือง และไม่หนาเกินไป จะได้นุ่มๆ เคี้ยวสบายปากเด็กนิดนึงค่ะ


ต่อไปก็เตรียมขนมปังสองแผ่น วางลงบนพิมพ์ประกบแซนด์วิช วางไข่เจียวระหว่างขนมปัง อาจจะทาซอสมะเขือเทศ หรือมายองเนส ลงบนไข่นิดหน่อย ให้พอมีรสชาติ ส่วนใครที่ชอบสาหร่าย  ก็สามารถวางสาหร่ายแผ่นเพิ่มไปอีกชั้น หรือจะเป็นผักต่างๆ ก็พอได้ แต่อย่าให้มีน้ำจากผักมากนัก เดี๋ยวจะทำให้ขนมปังแฉะไม่น่ากิน จากนั้นกดพิมพ์ลงไปเพื่อประกบเป็นแซนด์วิช พร้อมกับตัดขอบไปในตัว แค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อย


แล้วก็หันมาตกแต่งกล่องข้าวกัน เอาแครอทหั่นเป็นรูปแปลกๆ เอาไปต้มให้นิ่ม แล้วนำมาวาง เสร็จแล้วหั่นครึ่งแซนด์วิช แล้วเอาพิมพ์รูปกระต่าย มากดลงบนแซนด์วิช ส่วนอีกครึ่งไม่ต้องกดพิมพ์ วางในกล่องข้าวคู่กัน เอาแครอทมาแต่ง ทำให้เหมือนกับพี่กระต่ายกำลังนอนห่มผ้า แล้วมีขายื่นมาจับผ้าห่ม (แหะๆ อาจจะไม่เหมือน แต่ให้เด็กจินตนาการต่อเองละกัน)


พอทำเสร็จแล้วก็มาคิดว่า น่าจะทำเป็นรูปกระต่ายก็ดีเหมือนกัน มามิเองก็น่าจะชอบ ก็เลยทำแซนด์วิชอีกคู่หนึ่ง แล้วกดด้วยพิมพ์รูปกระต่าย ออกมาเป็นหัวกระต่าย สวยงามเชียว ก็เลยเอามาวางคู่กัน แค่นี้ก็เสร็จแล้ว


บ่ายวันนั้น แม่แหม่มก็เลยพามามิไปสวนลุมซะเลย หิ้วข้าวกล่อง และขอบขนมปังไปด้วย แล้วไปนั่งจ่อมกันที่ริมบึงน้ำใต้ต้นไม้ มามิก็โยนขนมปังให้อาหารปลาให้ปลาอิ่มก่อน พอตัวเองหิวก็หันมาโซ้ยแซนด์วิชไข่เจียวพี่กระต่าย มามิก็จะค่อยๆ เล็มพี่กระต่ายไปเรื่อย เผลอแป๊ปเดียวก็หมดชิ้น ไม่ต้องเคี่ยวเข็ญกัน สบายไปอีกมื้อ


ก็เป็นวันสนุกๆ ของมามิอีกวันนึง ปลาอิ่มท้อง มามิอิ่มท้อง แม่ก็อิ่ม..ใจ

วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เมนูไข่ต้มหน้าตาดี


ออฟฟิศอยู่ใกล้ห้าง ทานข้าวกลางวันเสร็จก็เดินห้าง ดูโน่นดูนี่ไปเรื่อย และร้านที่ต้องเข้าแวะเข้าไปประจำก็เป็นร้านขายของสัญชาติญี่ปุ่น 60 บาท ราคาเดียวทั้งร้าน ก็มันมีของกระจุ๊กกระจิ๊ก กิ๊บเก๋ให้ได้สอยติดไม้ติดมือมาตลอด


แล้วสายตาก็พลันไปเห็นแม่พิมพ์ หรือบล็อค สำหรับทำไข่ต้ม ก็เกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมาทันที เอาไปเปลี่ยนไข่ต้มเมนูประจำ หน้าตาธรรมดาของมามิให้ดูดีขึ้นดีกว่า เลยสอยบล็อครูปดาวกับรูปหัวใจมา เพราะร้านนี้มีอยู่แบบเดียว พอได้บล็อกแล้วนึกขึ้นได้ไข่ใกล้จะหมดพอดี เดินเข้า Tops ไปซื้อไข่ไก่สด ซีพีโอเมก้าพลัส กลับบ้าน 1 แพ็ค

กลับถึงบ้านมามิแค่เห็นรูปบล็อคก็ตื่นเต้นแล้ว แต่...แม่ยังก็ไม่ได้ต้มเลยทันที กะไว้ว่าเดี๋ยวเสาร์ หรืออาทิตย์ค่อยต้มและให้มามิมาช่วยทำจะได้สนุก พอดีน้าเปิ้นเห็นแม่บ่นตอนซื้อบล็อคว่าทำไมมันมีแค่รูปหัวใจกับดาวนะ เคยเห็นในเน็ตมีอีกตั้งหลายแบบ พอน้าเปิ้นไปเดินอีกร้านนึงที่เซ็นทรัลพระรามเก้า เห็นมีแบบอื่นด้วยก็เลยซื้อบล็อครูปหมีกับกระต่ายมาฝาก มามิเห็นก็ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปอีก อยากจะต้มไข่ขึ้นมาทันที

เช้าวันเสาร์ก็เข้าครัวกัน หยิบไข่ที่เหลืออยู่ 4 ใบ ออกจากตู้เย็น เทน้ำลงในหม้อ เอาไข่ลงในหม้อ วางลงบนเตา แล้วเปิดไฟต้มทันทีด้วยไฟแรง พอน้ำเดือดไข่เด้งไปเด้งมากุกกักๆ แล้วก็แตกโพล๊ะไป 2 ใบ เหลือแค่ 2 ใบ ที่ยังอยู่ในสภาพดี กะเวลาประมาณ 10 นาทีไข่สุกพอดีตักขึ้นมา แกะทันทีในขณะที่ไข่ยังร้อนอยู่ อยากได้ไข่ต้มเก๋ๆ ก็ต้องอดทนแกะตอนร้อนๆ นั่นแหละค่ะ แช่น้ำไปแกะไป ไม่ได้ทำช่วย มือพองแน่ๆ ปกติมามิจะชอบปอกไข่ต้มมาก กินไข่ต้มทีไรจะต้องขอแกะเอง แต่คราวนี้ให้ช่วยไม่ได้จริงๆ ดูแม่แกะไปก่อนละกันนะลูก



ไข่ 2 ใบที่เหลือถามมามิว่าอยากจะใส่บล็อกรูปอะไร มามิตอบว่า พี่หมี กับกระต่ายค่ะ ปอกไข่เสร็จก็จับใส่บล็อกแล้วปิดฝา นำบล็อกที่ใส่ไข่ไว้แล้วไปแช่ในน้ำจนกว่าไข่จะคลายความร้อน เสร็จแล้วก็แกะออกมา แถ่น แทน แท๊นนน...เป็นรูปพี่หมีกับกระต่ายสวยงามมาก แม่จับมาผ่าครึ่งหันไปคว้าไอโฟน เตรียมจะถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกซะหน่อย หัวกลับมาอีกที หูกระต่ายแหว่งไปแล้วเรียบร้อย เอ๊า…ถ่ายรูปไว้ทั้งๆ ที่หูแหว่งแบบนี้แหละ กะว่าจะเอามาจัดจานสวยงาม ไม่ทันแล้วล่ะ กะต่ายของแม่หายไปในท้องมามิอย่างไวในมื้อเช้า ตามด้วยไข่ต้มรูปพี่หมีในมื้อกลางวันแบบไม่ทันได้ถ่ายรูปอีกเหมือนกัน

เย็นวันอังคารพามามิเข้าครัวต้มไข่รอบที่ 2 ด้วยไข่ไก่สด ซีพี โอเมก้าพลัส ที่ซื้อมาเมื่อวันพฤหัส ที่ยังอยู่ในแพ็คอยู่เลย หยิบมา 4 ใบ ใส่ในหม้อตั้งบนเตาและต้ม มามิมาด้อมๆ มองๆ และขอช่วยคนไข่ และเฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง ต้มไป คนไป เพราะเคยอ่านมาว่า ตอนต้มไข่ ถ้าอยากให้ไข่แดงอยู่ตรงกลางเวลาต้มให้หมั่น คน เพื่อให้ไข่แดงมีการกลับตัวอยู่เสมอ พอต้มเสร็จผ่าออกมา ไข่แดงอยู่ตรงกลางแน่นอน ปรากฏว่าต้มไปได้ซักพักแตกโพล๊ะไป 1 ใบ เพราะน้ำเดือดเกินไป ต้มต่อไป กะเวลาว่าไข่สุกก็เอามาแกะ ปรากฏว่าเละทั้ง 4 ใบค่ะ แกะไม่ได้ไข่ขาวติดเปลือกหมดทุกใบไม่สวยเลย จบกันไข่ต้มหน้าตาดีของมามิ ไม่ได้เห็นละวันนี้ เพราะมันขี้เหร่หมดทุกใบ


อาม่าดูอยู่ก็เลยแนะนำว่าการต้มไข่ไม่ให้ไข่ขาวติดเปลือกนั้น จะต้องไม่ใช้ไข่ไก่สด ต้องเอามาขังไว้ก่อนซัก 1-2 อาทิตย์ก่อน แล้วค่อยเอามาต้มกิน คำว่า "เอามาขัง" ของอาม่าคือ หลังจากที่ซื้อไข่ไก่สดมาให้เอามาวางไว้ในตู้เย็นซัก 1-2 อาทิตย์ก่อนนั่นเอง แม่ก็เลยถามอาม่าต่อว่า แล้วถ้าอยากให้ไข่แดงอยู่ตรงกลางต้องทำงัย ได้ความรู้มาอีกอย่างคือ หลังจากซื้อไข่มาถ้ายังไม่เอาไปทานทันที ตอนวางในตู้เย็น หรือวางไว้ในแพ็คให้กลับเอาด้านแหลมลงไข่แดงจึงจะอยู่ตรงจุดกลางใบ  ถามอาม่าต่ออีกว่าเวลาต้ม เอาเกลือใส่ลงไปด้วยจะช่วยไม่ให้ไข่ติดเปลือกเวลาปอกเปลือกใช่ไม๊ อาม่าบอกว่าการเอาเกลือใส่ลงไปด้วยตอนต้มไข่ เวลาไข่มีรอยร้าวความเค็มจากเกลือจะช่วยปิดรอยร้าวของไข่ไม่ให้เนื้อไหลออกมาระหว่างต้มได้ แล้วต้อง "ต้มด้วยไฟอ่อน" ไข่จะได้ไม่แตกเวลาต้ม ใครบอกว่าต้มไข่นั้นง่าย หลังจากที่ต้มมา 2 ครั้งรู้แล้วว่าไม่ง่ายเลยค่ะ



วันอาทิตย์ อาม่าไปอยู่ที่บ้านลาดพร้าว แม่เข้าครัวทำไข่ต้มอีกรอบเพื่อทำเมนู "บะหมี่ไข่หมี และพี่กระต่าย" เมนูง่ายๆ ที่แม่ทำให้มามิทานประจำ ตอนที่อาม่าไม่อยู่ แค่เอาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาต้มในน้ำเดือด ใส่หมู ใส่ผักกาดขาว เหยาะซีอิ้วขาวปรุงรสไปเล็กน้อย แล้วก็ตักใส่จาน ทานได้เลย วันนี้พิเศษหน่อย ประดับด้วยไข่ต้มรูปหมี และกระต่าย มามิชอบใจมาก กินจนหมดเกลี้ยงเลย

วันศุกร์แม่กับน้องๆ เดอะแกงค์ที่ออฟฟิศไปทานมื้อกลางวันกันที่เซ็นทรัลพระรามเก้า เลยแวะเข้าไปร้านขายของญี่ปุ่น 60 บาท ได้บล็อกรูปปลากับ รถยนต์มาเพิ่มอีก 2 แบบ มามิเห็นแล้วชอบมาก เพราะตั้งแต่ได้บล็อคพี่หมีมาก็ถามแม่ว่ามันมีรูปอื่นอีกไม๊ แม่ก็บอกว่ามีรถยนต์กับปลา หลังจากที่รู้ว่ามันยังมีแบบอื่นอีกก็เฝ้าถามแม่ทุกวันว่าซื้อมาหรือยัง พอได้มาเท่านั้นแหละดีใจมาก แต่ก็ยังไม่วายจะถามว่ามันมีรูปอื่นอีกไม๊ เท่าที่สำรวจมา 2 ร้าน ไม่มีแบบอื่นแล้วนะ ได้ข่าวว่าแม่ไปกวาดมาหมดเลี้ยงแล้วครบทุกแบบ จนอากงเห็นแล้วพูดว่า “อันนี้มันอะไร ซื้อมาอีกแล้วเหรอ ของพวกนี้หลอกขายให้เด็กได้ตลอดเลยนะ”

แฮร่... ไม่ได้หลอกขายเด็กได้อย่างเดียว หลอกขายผู้ใหญ่ได้ด้วยนะ พอแม่ต้มเสร็จถ่ายรูปไปให้น้าๆ ที่ออฟฟิศดู ตื่นเต้นกันใหญ่ มันทำได้จริงๆ เหรอ โดยเฉพาะน้าหมวย บอกว่าจะซื้อไปลองทำให้ลุงเจมส์ทานบ้างแล้วล่ะ


เช้าวันเสาร์ที่ผ่านมาก่อนเดินทางไปหัวหินแม่ก็จัดการต้มไข่อีกรอบ เพื่อจะเอาใส่กล่องไปด้วยให้มามิกินระหว่างทาง เผื่อตอนรถติดแล้วหิว จะได้หยิบขึ้นมากินได้ หลังจากผ่านการลองผิดลองถูกมา 3 ครั้ง ครั้งนี้เป๊ะ ไข่ไม่แตก ไข่ขาวอยู่ตรงกลาง และใส่ไปในบล็อค แกะออกมาแล้วสวยงาม ทันทีที่แกะออกจากบล็อก แม่ว่าจะถ่ายรูปซะหน่อย วิ่งไปหยิบไอโฟนมาถ่าย กลับมาปลาหายไปไปอยู่ในท้องมามิเรียบร้อย เหลือแต่ พี่หมี พี่กระต่ายแล้วก็รถยนต์ เลยได้

ไข่ต้ม 3 ใบ ใส่กล่องไปกินในรถ และก็เป็นตามคาด รถติดมาก จะแวะทานปั๊มไหน หรือร้านไหนคนก็เต็ม ระหว่างที่จอดรถรอปะป๊าไปซื้อ McDonald มาให้กิน มามิก็กินไข่หมดไป 1 ใบ เช้าวันอาทิตย์ที่หัวหินกินที่เหลือไปอีก 2 ใบ หมดเกลี้ยง ไข่ต้มหน้าตาดีของแม่นี่ขายดีจริงๆ ต้มกี่ทีไม่มีเหลือเลย...

มาดูวิธีทำกันดีกว่าค่ะ





เป็นงัยบ้างคะ เมนูไข่ต้มหน้าตาดีของแม่แหม่ม ทำไม่ยากเลยใช่ไม๊คะ อาทิตย์หน้าถ้ามีเวลาว่าง จะชวนมามิเข้าครัวทำข้าวกล่องเมนูไข่กันดีกว่า แล้วจะมาเล่าให้ฟังใหม่นะคะ

วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เคล็ดลับหนูน้อยผิวสวยอย่างเป็นธรรมชาติ

หลายคนชมว่าน้องมามิ และน้องโมโม่ผิวสวย คุณแม่มีเคล็ดลับอะไรในการดูแลผิวพรรณของลูกทั้งสองคน ม่ะ!! ล้อมวงเข้ามา มีเคล็ดไม่ลับมาบอก จริงๆ ไม่ได้มีอะไรมากมาย เราต้องทำความเข้าใจกับผิวทารกก่อนค่ะ เพราะผิวทารก หรือผิวเด็กนั้นบอบบาง จึงต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ


น้องโมโม่ตั้งแต่สองเดือนมาแล้วมีผื่นขึ้นที่ใบหน้าและคอเป็นๆ หายๆ สลับกันอยู่แบบนี้ เลยไปปรึกษาคุณหมอ คุณหมอก็แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสูตรอ่อนโยน ปราศจากสารเคมี สารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว และหนังศีระษะของน้อง คุณหมออธิบายว่าพื้นที่ของผิวต่อน้ำหนักตัวเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ประมาณ 5 เท่า ดังนั้น สารเคมีทุกอย่างที่สัมผัสกับผิวเด็ก จะสามารถซึมผ่านผิวหนังหรือเกิดการระคายเคืองได้มากกว่าผู้ใหญ่ได้ 5 เท่า

การใช้ผลิตภัณฑ์ใดก็ตาม ไม่ว่ากับเด็กผิวแพ้ง่ายหรือเด็กปกติก็จำเป็นต้องระมัดระวังทุกอย่าง เช่น เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมที่เป็นอันตราย เน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญค่ะ เบบี๋ก็ยังมีผิวที่บางและอ่อนแอเกิดการระคายเคืองต่อสารต่าง ๆ และยังติดเชื้อจากแบคทีเรียได้ง่ายกว่าผิวของผู้ใหญ่อีกด้วย ทุกครั้งที่เลือกผลิตภัณฑ์เพื่อดูแลผม และผิวพรรณของลูกนั้น ต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ โดยการอ่านฉลาก ดูส่วนผสมอย่างละเอียด เลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นสูตรอ่อนโยนต่อผิวพรรณ เพื่อจะได้ปกป้องดูแลผิวลูกรักตลอดไปอย่างที่ท้องของแม่เคยปกป้องดูแล ยิ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ออแกร์นิค (Organic) ได้ ก็ยิ่งดีเลยค่ะ

เมื่อวันอังคารที่ 7 ที่ผ่านมาแม่แหม่มกับน้องโมโม่ได้มีโอกาสไปร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Babi Mild Ultra Mild Organic และได้ร่วมกิจกรรม Love Being an Organic Mom กับคู่แม่ลูก 30 คู่ เป็นการร่วมการทดลองค้นหาช่วงเวลาแห่งภาพประทับใจของลูกน้อย ผ่านมุมมองผู้กำกับและช่างภาพชื่อดัง ในงานก็จะให้คุณแม่ได้ทดลองอาบน้ำให้ลูกน้อยโดยใช้ผลิตภัณฑ์ Babi Mild Ultra Mild Organic ทำกิจกรรมโยคะ ฟังเพลงและร้องเพลงร่วมกัน ภายในงาน แม่แหม่มได้ชมวีดีโอโฆษณาของผลิตภัณฑ์ น่ารักมากเลย แต่ยังไม่เห็นออนแอร์ในทีวี เลยลองไปหาดูใน Youtube เจอ เลยเก็บมาฝากค่ะ


หลังจากจบงาน ทางทีมงานได้ให้ผลิตภัณฑ์ตัวอย่าง Babi Mild Ultra Mild Organic มาให้ทดลองใช้ ในถุงสวยงาม มีผลิตภัณฑ์อยู่ 4 ตัวด้วยกันค่ะ มี อัลตร้ามายด์ โฟมวอช (Ulta Mild Foam Wash) สบู่ในรูปแบบโฟม อ่อนละมุน เพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิวบอบบาง อัลตร้ามายด์ โลชั่น (Ulta Mild Lotion) โลชั่นบำรุงผิวสูตรอ่อนละมุน เพิ่มความชุ่มชื่นอย่างเป็นธรรมชาติ อัลตร้ามายด์ครีม (Ultra Mild Ceam) ครีมบำรุงผิวสูตรอ่อนละมุน เพิ่มความชุ่มชื่นอย่างเป็นธรรมชาติ และ อัลตร้ามายด์ พาวเดอร์ (Ultra Mild Powder) แป้งสูตรอ่อนละมุนอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งแม่แหม่มก็ได้ลองใช้กับน้องโมโม่ น้องมามิ รวมถึงตัวเองก็แอบใช้ด้วยค่ะ


พอกลับมาที่บ้านได้ซักอาทิตย์ ก็เข้าไปดูเว็บไชต์ของ Babi Mild เพื่อจะตามไปชมภาพกิจกรรมที่ได้ไปร่วมงานในวันนั้น ไปเห็นอันนี้เข้าเลยเก็บมาฝาก สำหรับคุณแม่ท่านไหนอยากได้ผลิตภัณฑ์ตัวอย่างไปทดลองใช้ สามารถเข้ามาร่วมแชร์ประสบการณ์การปกป้องลูกน้อยอย่างธรรมชาติ เพื่อรับ Ultra Mild Organic Gift Set สิ่งดีๆ จากธรรมชาติไปไปใช้ถึงบ้านกันได้ฟรี ตั้งแต่ 16 สิงหาคม - 31 สิงหาคม 2555 นี้ค่ะ

รีบหน่อยนะคะ ในเว็บบอกไว้ว่า Ultra Mild Organic Gift Set จาก Babi Mild มีจำนวนจำกัดเพียง 300 Set เท่านั้น

คลิกตามไปเลยค่ะ http://www.babimild.com/mild-privilege/ultra-mild-sign-up.html  

วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ไข่ต้มไม่ธรรมดา ไข่ไก่สด ตราซีพี โอเมก้า พลัส จัดไปให้เจ้ามามิ



เคยถามมามิอยู่บ่อยๆ ว่ามามิชอบกินอะไร ทุกๆครั้งก็จะได้คำตอบเดิม คำตอบเดียวว่า "ไข่ต้ม" ที่บ้านนี้ก็เลยต้องต้มไข่ให้มามิ อาทิตย์ละไม่ต่ำกว่า สามวัน กินวันนึง สองฟองบ้าง สามฟองบ้าง

ก็เคยเป็นห่วงเหมือนกันว่าจะเป็นอะไรไม๊ สำหรับเด็กอย่างมามิ ที่กินไข่มากขนาดนี้ เพราะรู้มาว่า ในผู้ใหญ่ ควรกินไม่เกินวันละสองฟอง แต่สำหรับเด็กนี่ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่หลายๆ คนก็ยืนยันว่า ไม่เป็นไรหรอกสำหรับเด็ก หรือถ้าไม่แน่ใจก็จำกัดไว้ที่วันละสองฟองก็ได้ เพื่อความสบายใจ เอ้า! ตามนั้นก็ได้ สองฟองก็สองฟอง

คราวนี้ก็ห่วงว่ากินแต่ไข่อย่างเดียว เดี๋ยวจะขาดแร่ธาตุหรือสารอาหารอย่างอื่น ก็พยายามเสริมปลา จำพวกปลาทะเล เผื่อจะได้ฉลาดอย่างที่เขาว่า มามิก็ให้ความร่วมมือดีมาก ก่อนหน้านี้ก็กินได้กินดี มีปลาทุกวันก็กินทุกวัน แต่หลังๆ คงชักเบื่อไม่ยอมแตะปลาเลย หรือกินก็พอเป็นพิธี แล้วก็กินไข่อย่างเดียวต่อไป

การที่ให้มามิกินอาหารจำพวกปลาทะเลที่ว่านี่ จริงๆ ก็เพื่อต้องการเจ้ากรดไขมัน Omega 3 ที่ตามตำราเขาว่า

Omega 3 คือ ชนิดของกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานของร่างกาย เป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์ต่างๆ กรดไขมันชนิดนี้ ร่างกายสร้างเองไม่ได้ จึงจำเป็นมากที่เราต้องรับประทานอาหารที่มีกรดไขมันชนิดนี้อย่างเพียงพอ

แล้วตัว Omega 3 ก็ยังประกอบไปด้วยกรดไขมัน 4 ชนิด ได้แก่

1. ดีเอชเอ (DHA)

2. อีพีเอ (EPA)

3. ดีพีเอ (DPA)

4. เอแอลเอ (ALA)

กรดไขมันโอเมก้า 3 มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานที่สมบูรณ์ของร่างกายและยังช่วยป้องกันโรคต่างๆ หลายชนิด อย่างกรดอีพีเอ (EPA) และ ดีเอชเอ (DHA) เป็นส่วนประกอบของโครงสร้างผิวเซลล์ จึงมีความสำคัญต่อความแข็งแรงของอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สมองและหัวใจ

อ่านๆ แล้วพอจะคุ้นๆ จากโฆษณาในทีวี อยู่ตัวสองตัวเอง ก็ไม่เป็นไร เอาเป็นว่า ยังไงก็ควรจะให้มามิได้มีโอกาสรับ Omega 3 ให้เหมาะสมละกัน แต่จะทำยังไงให้มามิกินปลาได้เยอะๆ เหมือนไข่ อันนี้สิคิดไม่ตก



แล้ววันนั้นก็มาถึง ให้บังเอิญว่าได้ไปเดินเล่นที่ Tops Supermarket ในเอสพลาหนาด แหล่งช้อปประจำหลังทานข้าวกลางวันของแม่แหม่มและเดอะแกงค์ แล้วก็ไปเจอ ไข่ไก่เสริม โอเมก้า เข้าให้ โอ้ว... มันเยี่ยมมากเลย เข้าทางมามิเต็มๆ คือได้กินไข่ของโปรด แล้วแม่ก็ได้เสริมโอเมก้า ให้มามิได้เต็มๆ อีกด้วย

แต่มันก็มีหลายยี่ห้ออยู่เหมือนกันนะ ไม่รู้จะเลือกอันไหนดี ดูไปดูมาก็เลยเลือก ไข่ไก่ ตราซีพี โอเมก้าพลัส ละกัน เห็นสรรพคุณแล้ว ล้นเหลือมากกกกก เพราะมีถึง 3 คุณประโยชน์ คือมีทั้ง โอเมก้า3 วิตามินอี และซีลีเนียม…ม่ะ มาดูกันว่า 3 คุณประโยชน์ที่ว่านี้มันคืออะไร

โอเมก้า 3 ช่วยการพัฒนาของสมอง ระบบประสาทและภูมิคุ้มกัน

วิตามินอี มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ เสริมความยืดหยุ่นของหลอดเลือดกล้ามเนื้อและระบบประสาท

ซีลีเนียม แร่ธาตุสำคัญที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและป้องกันโรคความจำเสื่อม

แล้วอีกอย่างที่บ้านนี้ก็คุ้นเคยกับไข่ไก่ซีพี เพราะไข่ไก่ที่บ้านอาม่าซื้อมาติดตู้เย็นไว้เป็นประจำก็ของซีพีนี่แหละ ว่าแล้วก็เลยหยิบของไข่ไก่ ตราซีพี โอเมก้าพลัสมาซะเลย

ตอนนี้ที่เหลือก็คือ ต้องคิดทำเมนูไข่ให้มามิแล้วล่ะ มีอยู่ในหัวสองสามเมนูละ อยากให้ไข่ต้มหน้าตาธรรมดา มันดูมีอะไรขึ้นมาบ้าง เดี๋ยววันหลังจะมารายงานว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไงนะ วันนี้ขอตัวไปซื้ออุปกรณ์มาทำเมนูไข่ให้มามิดีกว่าค่ะ

วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เคล็ดลับผิวสวย ไร้รอยแผลเป็นของหนูมามิ ด้วย Dermatix Gel

คราวที่แล้วติดเอาไว้เรื่องแผลที่เกิดจากการเกาของเด็ก อยากจะบอกว่าเป็นเรื่องซีเรียสมากสำหรับแม่ๆ อย่างเรา เพราะมันจะเริ่มคล้ำดำก่อน จากนั้นก็เป็นสะเก็ดแผล พอถึงตรงนี้ ทุกคนคงรู้ดีว่า ก่อนที่สะเก็ดแผลจะหลุด มันจะคันบริเวณรอบๆ ต้องบอกมามิว่าห้ามเกาเด็ดขาด เพราะถ้ายังเกาอีก สะเก็ดแผลนั้นก็จะเป็นแผลซ้ำอีก แล้วถ้าเป็นแผลซ้ำทีเดิมอีกก็จะเป็นแผลเป็นแน่นอน


มามิมีแผลเป็นอย่างนี้ประมาณ 2-3 รอย ยังโชคดีที่เป็นรอยเล็กๆ อยู่ตรงน่อง แล้วมันจะเป็นสีคล้ำๆ และผิวก็จะหยาบๆ ถ้าเป็นมากๆ ก็จะมีรอยนูนๆ ตอนแรกก็คิดว่า เดี๋ยวก็คงหายเอง แต่ยิ่งพอทิ้งไว้ ก็จะยิ่งคล้ำ ก็เลยมั่นใจว่า ไม่หายแน่นอนแล้ว ก็กลายเป็นอีกประเด็นที่ทำให้กลุ้มใจต่อเนื่องจากอาการเกา ต้องลำบากหาข้อมูลกันอีกว่า จะใช้ครีม ใช้ยาอะไรมาช่วย

หลายๆ คนก็แนะนำว่าบัวหิมะช่วยได้ ทาเลย หายแน่นอน ก็ลองดูนะ แต่มันแค่จางลง แต่ไม่หาย แถมมีบางคนแย้งว่า อย่าใช้กับเด็กนะ เพราะมันมีสารจำพวกสเตอรอยด์ แม่แหม่มก็เกิดอาการนอยด์เพราะสเตอรอยด์ทันที ก็ให้หยุดใช้ไป ก็ใช้เป็นพวกโลชั่นที่มีวิตามิน E อะไรพวกนี้ ก็ไม่ค่อยได้ช่วยอะไร

แล้วก็จากเว็บบอร์ดแม่ๆ อีกนั่นแหละ ที่ผ่านตาเรื่องยาลดรอยแผลเป็นตัวหนึ่งชื่อ Dermatix Gel ก็เลยนำไปคุยกับกุมารเวช เรื่องยาตัวนี้ ข้อมูลที่ได้มาก็น่าสนใจมาก เพราะตัวนี้ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นยา แต่เป็นเครื่องมือแพทย์!!! (Medical Device) ขณะที่ยาตัวอื่น จะขึ้นทะเบียนเป็น Cosmetic

เริ่มต้นก็น่าสนใจแล้ว อ่านต่ออีกนิด Dermatix เป็นผลิตภัณฑ์ ซิลิโคนสำหรับลดรอยแผลจากสหรัฐอเมริกาตัวใหม่ ใช้ง่าย ได้ผลดี เป็นตัวเดียวที่มีผลงานวิจัยรับรองว่าลบรอยแผลเป็นได้ทุกๆ มิติและศัลยแพทย์ตกแต่งให้การยอมรับ มีข้อมูลพิสูจน์ถึงพบว่าบริเวณที่ทา Dermatix ได้ผลที่ดีกว่าทุกด้าน คือลดความนูน เพิ่มความนุ่ม ลดสี และรอยแดง รวมถึงอาการเจ็บและคัน มาถึงตรงนี้ก็ยอมรับว่าเทใจให้เกินครึ่งแล้ว ก็เลยให้ปะป๊าไปรอรับยา ส่วนมามิก็นั่งเล่นของเล่นที่โรงพยาบาล รอจนปะป๊ารับยาเสร็จ ก็กลับบ้านมาลองใช้ Dermatix

หลอดเล็กๆ แต่ประสิทธิภาพ ไม่เล็กนะคะ

ตอนแรกก็ยอมรับว่าตกใจมาก หลอดนิดเดียวเอง แต่ราคาพันนิดๆ อึ้งเหมือนกัน กลัวว่าจะไม่ได้ผล แต่ก็คิดว่า ลองใช้ดูก่อน ถ้าลูกใช้แล้วมีผลข้างเคียง ก็ให้พ่อแม่ใช้ก็ยังได้ ก็เริ่มจากแผลที่ยังใหม่อยู่ เพราะหมอแนะนำว่าใช้ได้กับแผลที่เริ่มเป็นสะเก็ด ตัวเนื้อยาจะเป็นเหมือนเจล ใช้ในปริมาณนิดหน่อย ทาลงไปที่บริเวณแผล แล้วรอทิ้งไว้ 5 นาที

จากการสัมผัสยา รู้สึกเลยว่าพอมันแห้ง จะเป็นเหมือนฟิล์มบางๆ เคลือบนิ้วมือของแม่แหม่ม แล้วจะลื่นๆ นิ้วนิดหน่อย เลยทำให้อยากรู้ว่ามันจะเป็นยังไง ก็เลยเอามาลองใช้ดูบ้าง เป็นรอยแผลของแม่เอง ดูว่าจะมีผลยังไงบ้าง

เนื้อเจลใส

หลังจากเริ่มใช้ไปได้ซัก 5 วัน สิ่งที่เห็นชัดๆ เลยก็คือสะเก็ดแผลหลุดเร็วกว่าปกติ ส่วนรอยแดงๆ ของสะเก็ดแผล ก็จางกว่าปกติ ส่วนแผลของแม่ที่มีขนาดเล็กๆ ก็จางหายไปอย่างเร็ว เห็นอย่างนี้ก็มีกำลังใจขึ้นมานิดนึง ก็คิดว่าจะเริ่มลองใช้กับรอยแผลเก่าดูบ้างว่า จะมีผลลัพธ์ยังไงบ้าง

ก่อนใช้

หลังใช้

ก็มาลองสำรวจแผลของมามิที่ชัดๆ ก็น่าจะเป็นบริเวณข้อพับขา กับบริเวณแข้ง ที่เป็นรอยคล้ำจากแผล ก็ลองใช้ในปริมาณ นิดเดียวจริงๆ ทาบางที่บริเวณแผล ตรงข้อพับขา กับแข้ง ปกติตรงข้อพับขาจะไม่ค่อยได้ผล เพราะถ้าเป็นยาตัวอื่น เวลาทาตรงข้อพับ แล้วพอมามิลุกนั่ง ลุกนั่ง แป๊ปเดียว ยาก็กระจายไปบริเวณรอบๆ แล้ว แต่ตัวนี้ ไม่มีปัญหาเพราะแห้งเร็ว แล้วมีลักษณะเหมือนเป็นฟิล์มเคลือบ ทำให้มั่นใจว่ายาไม่หลุดหายไปไหน

ก่อนใช้



หลังใช้

จากวันที่ลองใช้มา ได้ซักสองอาทิตย์ ก็เริ่มรู้สึกว่ารอยคล้ำะจางลง ส่วนเรื่องลดรอยนูนของแผล สำหรับมามิ ไม่ค่อยเห็นผล เพราะแผลของมามิไม่ค่อยนูน ก็เลยวัดตรงจุดนี้ไม่ค่อยได้ แต่แค่เรื่องลดรอยคล้ำได้ แม่แหม่มก็ Happy แล้ว มันลดได้จริงๆ


แม่แหม่มก็คิดว่าจะใช้กันไปให้ครบเดือน ก็น่าจะหายสนิท แต่เห็นเขาบอกว่าถ้าให้ชัวร์ก็สองเดือนไปเลย ก็ไม่น่าจะมีปัญหา สองเดือนก็สองเดือน เพราะคิดว่ายาน่าจะเหลือใช้มากกว่าสองเดือนแน่นอน เห็นหลอดเล็กๆ อย่างนี้ ใช้กันทั้งแม่และลูก คนละสองสามแผล ใช้มาเดือนนึง ยังไม่ถึงครึ่งหลอดเลย

พอดีแม่แหม่มคลอดธรรมชาติ เลยไม่มีแผลจากการผ่าตัด จริงๆ แล้ว Dermatix Gel ตัวนี้ ใช้ได้ดีสำหรับแผลผ่าตัด ผ่าคลอด ผ่าไทรอยด์ ผ่าตัดไส้ติ่ง ผ่านหน้าอก สำหรับแม่ๆ ที่เลือกคลอดแบบผ่าตัดน่าจะลองเอาไปใช้กันดูนะคะ จะได้ไม่มีรอยแผลเป็น พุงจะได้เกลี้ยงเกลาสวยงาม เพราะใช้แล้วดีเลยบอกต่อค่ะ

จริงๆ แล้วเรื่อง Dermatix Gel ตัวนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรเลยนะ เพียงแต่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงมาก อาจจะเพราะใช้กันในงาน ศัลยแพทย์ กับแพทย์ผิวหนังกัน กับเราๆ เหล่าแม่บ้านเลยไม่ค่อยรู้อะไร เห็นว่าตอนนี้มีขายในโรงพยาบาล ตามคลีนิค และร้านขายยาใหญ่ๆ ก็คิดว่าน่าจะหาซื้อได้ง่ายขึ้น เพราะจะให้ไปโรงพยาบาล รอคิวนานๆ บางทีความตั้งใจอาจจะถดถอยไปซะก่อน ใช่มั๊ยค่ะ แม่ๆ ทั้งหลาย

วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

มามิตามไปเกาะขอบเวที Concert Play Day วันอยากเล่น ของพี่โต๋

เช้าวันเสาร์ ออกจากบ้านแต่เช้าไป IKEA เนื่องจากได้รับเชิญให้ไปร่วม Smales Blogger Workshop ที่ทาง IKEA จัดขึ้นเพื่อแนะนำสมอล์แลนด์ให้เด็กๆ และครอบครัวได้รู้จัก มามิได้ไปเจอเพื่อนๆ วิ่งเล่นกันสนุกสนานมาก ได้วาดภาพระบายสี ตกแต่งกรอบรูป และได้กรอบรูปสวยฝีมือหนูเองด้วย เราใช้เวลาครึ่งค่อนวันในการทำ Workshop และทานอาหารร่วมกันกับหลายครอบครัว รวมถึงทีมงานด้วยค่ะ บรรยากาศอบอุ่น และสนุกสนานกันมาก จนเด็กๆ แทบไม่อยากกลับบ้านกันเลย เราอยู่กันที่นั่นกันถึงเกือบห้าโมงเย็นเลยค่ะ

ออกเดินทางจาก IKEA มุ่งหน้าสู่เซ็นเตอร์พ้อยท์ สตูดิโอ สุขุมวิท 105 (ซอยลาซาล) เรามีนัดกะโต๋ที่นี่ Tor+ 7.7.55 Play Day Concert “วันอยากเล่น”

จากคราวที่แล้วเคยบอกว่าคอมเสิร์ตครั้งนี้แม่แหม่มไม่ยอมพลาดแน่นอน เพราะจะได้เห็นเด็กหนุ่มผู้มากความสามารถอย่างน้องโต๋ หรือพี่โต๋ของน้องๆ ได้มาทำอะไรที่ทั้งแฟนคลับ และแฟนเพลงไม่เคยเห็น ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ในวันของโต๋เอง คอนเสิร์ตวันนี้ Play Day Concert

บัตรคอนเสิร์ตสุเก๋ โต๋เทห์สุดๆ

ถึงที่หน้างานประมาณห้าโมงกว่าๆ คอนเสิร์ตเริ่มตั้งทุ่มนึงสรุปว่าเรามาเร็วไป แต่ก็ยังช้ากว่าแฟนคลับหลายๆ คนที่มายืนรอกันอยู่หน้างานกันแล้ว ไหนๆ ก็มาถึงเร็วพามามิ โมโม่เดินไปสำรวจบรรยากาศก่อนเลย  ตรงไปที่บูธแบรนด์จูเนียร์ก่อนเลยค่ะ มีพี่แจกกระบองพลาสติกสีเขียวให้ และชวนพูดคุยถึงรสชาดของแบรนด์จูเนียร์ว่าอร่อย และเด็กๆ สามารถดื่มได้สบาย

 ยืนอ่านป้ายใหญ่เลย อ่านได้แต่ภาษาอังกฤษค่ะ

หลังจากพูดคุยกับพี่เสร็จขอแชะรูปซะหน่อย มามิลั้ลลากระโดดตัวลอยเลยค่ะ

หนูน้อยหน้าตาร่าเริงมาก กินขนมเพิ่มพลังก่อนเข้าไปดูคอนเสิร์ต

เดินเล่นไปมาซักพัก คนเริ่มทะยอยกันมาเต็มโถงทางเข้า มีน้องๆ  10 อัจฉริยะจาก BRAND’S Junior Genius Show ที่จะมาเป็นแขกรับเชิญพิเศษบนเวทีคอนเสิร์ตของพี่โต๋และน้องณดล มาถ่ายรูปร่วมกันที่บูธของแบรนด์จูเนียร์ด้วย แม่แหม่มสามารถฝ่าฝูงชนไปเก็บภาพเด็กๆ มาได้นิดหน่อยเองค่ะ ดูท่าทางเด็กแต่ละคนพกความมั่นใจมาเต็มที่ เตรียมขึ้นโชว์บนเวทีพร้อมพี่โต๋กันแล้วล่ะสิ เห็นแล้วอดตื่นเต้นแทนเด็กๆ ไม่ได้ ซักอยากรู้แล้วล่ะสิว่าเด็กๆ เตรียมการแสดงอะไรมาให้เราดูกันน๊า


10 อัจฉริยะจาก BRAND’S Junior Genius Show ถ่ายรูปร่วมกันที่บูธแบรนด์จูเนียร์

พี่ไก่มาแล้ว

ใกล้เวลาแสดงคอนเสิร์ตผู้คนเริ่มทยอยกันมาเต็มห้องโถง เอ๊ะ…เราลืมไปแล้วว่ายังไม่ได้ทานข้าวกันเลยนี่นา ว่าแล้วก็เดินออกจากสตูดิโอไปหาอะไรทานกันก่อนเข้าไปดูคอนเสิร์ต ท้องไม่อิ่มดูคอนเสิร์ตไม่สนุกกันพอดี ไม่ได้ไปทานที่ไหนไกลค่ะ สั่งราดหน้ากินหน้าตึกแถวข้างๆ สตูดิโอนั่นแหละค่ะ ทานกันเสร็จเรียบร้อยกลับมาถึง การแสดงใกล้เริ่ม บรรดาผู้ชมก็เริ่มทยอยเข้าประตูเพื่อจะไปชมคอนเสิร์ตกันแล้วค่ะ

พร้อมไปดูคอนเสิร์ตแล้วค่ะ

เดินเข้าประตูไปผู้คนเนืองแน่นฮอล์เลยค่ะ แฟนคลับมาให้กำลังใจโต๋เยอะมาก มีทุกเพศทุกวัย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ คอนเสิร์ตเริ่มแล้ว….โต๋โผล่ออกมาตรงบันไดข้างฮอล์ด้วยหลีดกีตาร์ออกมาในมาดร็อคเกอร์ เทห์สุดๆ เปลี่ยนลุคส์ไปเลย เท๋จริงอะไรจริง ผู้ชมส่งเสียงกรี๊ดกันกระจาย วิ่งผ่านกลางผู้ชมให้ได้กรี๊ดกันแบบใกล้ชิดขึ้นสู่เวที ร้องเพลงที่คุ้นหูหลายเพลงติดกัน พูดคุยกับแฟนเพลง พร้อมทั้งแจกตุ๊กตาหมี ด้วยมุกที่ว่า “พี่ตี๋แจกโม๋” โยนโม๋ที่วางอยู่เต็มเปียโนให้แฟนๆ ได้สนุกสนานตื่นเต้นกันใหญ่ เราอยู่ไกลไปนิ๊ด โยนมาไม่ถึงอดกันไป

โต่วิ่งขึ้นไปบนเวที คอนเสิร์ตเริ่มขึ้นแล้ว

คอนเสิร์ตวันนี้สนุกจริงๆ ค่ะ ตอนแรกคิดว่าจะได้มานั่งฟังเพลงเพราะๆ ซึ้งๆ ตามสไตล์โต๋ แต่ผิดคาดคอนเสิร์ตครั้งนี้เซอร์ไพรส์แฟนๆ จริงๆ ค่ะ สมกับคำว่า Play Day จริงๆ โต๋เล่นทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น เปียโน กีต้าร์ เล่นละคร ลูกทุ่ง ลูกกรุง ร้องด้วย เต้นด้วย ร้องเพลงจีนด้วย โดยมีแขกรับเชิญ เป็นอาตุ๊ยตุ่ย เป็นผีอีแพงออกมาเชียวอินเทรนด์นะเนี่ย ร้องไปร้องมาสลัดคราบจากผีอีแพงเป็นเลดี้กาก้า อย่างฮา ยิงมุกขำกระจายท้องคัดท้องแข็งกันเลยทีเดียว

น้องสายรุ้งขึ้นมาพูดภาษาจีน ภาษาอังกฤษ แนะนำโชว์ต่อไปของพี่โต๋ ร้องโชว์เพลงจีน

คอนเสิร์ตนี้ขาดไม่ได้แน่นอนหนุ่มน้อยคนเก่ง มากความสามารถของเรา น้องณดล ขึ้นเวทีมาเล่นกีตาร์กับพี่โต๋ทั้งๆ ที่แขนใส่เฝือก เกิดอุบัติเหตุจากการไปเตะฟุตบอลกับเพื่อนมา เจ็บแบบนี้แต่ฝีมือการดีดกีตาร์ไม่ได้ลดลงไปเลย ยังพริ้วไหว และเพราะเหมือนเคย โต๋กับน้องณดลเล่นกีตาร์กันได้ซักพักก็ได้เวลาเปิดตัว น้องๆ  10 อัจฉริยะจาก BRAND’S Junior Genius Show โดยมีอาตุ๊ยตุ่ยเป็นพิธีกร ก่อนการแสดง น้องๆ ทั้ง 10 คน ดื่มแบรนด์เสริมพลังกันก่อน “ได้เวลาแบรนด์จูเนียร์” ดูเด็กๆ ดื่มแบรนด์จูเนียร์กันอย่างเอร็ดอร่อย ไม่น่าถึงเก่ง อย่างนี้กันนี่เอง

คนแรก น้องฮุ่ยฮุ่ย เล่นเปียโน และแนะนำตัวเป็นภาษาจีน ตามมาด้วยน้องเบนโจเล่นแซกโซโฟนเป็นคนที่สอง คนที่ 3 น้องใบเฟิร์น คนที่ 4 น้องชีโน่ เล่นอุคูเลเล่ มีกวนๆ พี่โต๋ด้วยนะเด็กคนนี้ คนที่ 5 น้องริว เล่นเปียโน คนที่ 6 น้องบอส เล่นระนาด คนที่ 7 น้องโฟร์วีล เล่นกีตาร์ คนที่ 8 น้องการ์ตูนเล่นไวโอลิน คนที่ 9 น้องเซย่า และคนสุดท้ายน้องโฟร์เล่นกลองค่ะ ครบ 10 คน จำได้แม่นเลย

น้องๆ ร่วมกันเล่นดนตรีในเพลง Somewhere over the rainbow

น้องๆ ร่วมกันเล่นดนตรีในเพลง Somewhere over the rainbow

 คลิปน้องๆ  10 อัจฉริยะจาก BRAND’S Junior Genius Show ร่วมโชว์กับพี่โต๋

เด็กทั้ง 10 คนเล่นดนตรีพร้อมกันในเพลง Somewhere over the rainbow เป็นวงออเครสต้าเล็กๆ โดยมีพี่โต๋เป็นคอนดักเตอร์ เก๋ซะ เพลงเพราะมาก เด็กๆ ทุกคนตั้งใจโชว์กันเต็มที่เก่งกันทุกคนเลย สมแล้วที่ได้รับคัดเลือกเป็น 10 คนสุดท้ายได้มาร่วมโชว์อันแสนประทับใจบนเวทีกับพี่โต๋ แม่แหม่มชอบน้องโฟร์ตีกลองได้มันส์มากเลยค่ะ

คลิปพี่ตี๋แจกโม๋ให้ผู้ชมแถวหลังแบบใกล้ชิด

หลังจากจบการแสดงของเด็กๆ ทั้ง 10 คนบนเวที ไฟบนเวทีดับ โต๋หายไปซักพัก แล้วก็มาโผล่ทางด้านหลังเพื่อแจกตุ๊กตาหมีให้ผู้ชม และแฟนๆ ที่นั่งทางด้านหลังเรียกเสียงกรี๊ดกันกระจาย ก่อนจะกลับขึ้นไปเล่นคอนเสิร์ตต่ออย่างสนุกสนาน แล้วจบด้วยเพลงคุ้นหู”ฮักโต๋ อร๊ายยย รักเธอ”แม่แหม่มมัวแต่อัดคลิปและตื่นตะลึงอยู่ ไม่ได้วิ่งไปรับแจกพี่หมีกับเค้าเลย แต่ได้เห็นโต๋แบบใกล้ชิดเลยล่ะ

คอนเสิร์ตจบลงอย่างประทับใจ โต๋เล่นทุกอย่าง ทั้งร้อง เต้น เล่นดนตรี สมกับชื่อคอนเสิร์ต Play Day จริงๆ ค่ะ นอกจากแขกรับเชิญคนสำคัญที่มาร่วมสร้างสีสันด้วยลีลาที่เร้าร้อน อาตุ๊ยตุ่ย พุทธชาติ ที่มาเรียกเสียงฮาลั่นฮอลล์แล้ว ยังมีศิลปินรับเชิญสุดมันส์ สุดร็อค เจ้าของเพลงฮิต Play Girl ส้ม อัมรา และน้องณดล พรีเซ็นเตอร์ร่วมใน แบรนด์จูเนียร์ก็ขนเพลงเพราะมาร่วมประชันกันด้วย นายแน่มากโต๋ ^_^

ปล. เก็บภาพสวยๆ ได้แค่หน้างานเองค่ะ พอเข้าไปดูคอนเสิร์ตเค้าไม่อนุญาตให้เอากล้องเข้าไปด้วย ก็เลยต้องถ่ายรูป ถ่ายคลิปจากกล้องไอโฟน เก็บภาพบรรยากาศด้านในมาฝากได้แบบเบลอ ลางๆ และได้คลิปแบบสั้นๆ มาเองค่ะ เพราะแบทจะหมด ใช้งานมาทั้งวันไม่ได้ชาร์ทเลย

วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Atopiclair เคล็ดลับผิวสวยใสไร้ผื่นของหนูมามิ

ถ้าจะพูดถึงปัญหาสำหรับแม่ที่มีลูกสาว ก็คงไม่พ้นเรื่องผิวพรรณของลูก พอได้เห็นลูกเกาๆๆ แม่ๆ ก็อยากจะเอาเชือกมัดมือลูกไว้ไม่ให้เกา กลัวว่าจะเป็นแผล แล้วเดี๋ยวจะหมดสวยกันพอดี แต่สำหรับมามิ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ยิ่งบอกว่าหยุดเกา ก็ยิ่งเกา จนบางทีเลือดออกซิบๆ แม่แหม่มก็แสนจะเพลียใจจริงๆ


มามิเองจะมีปัญหาเรื่องผดผื่นคันตลอด เวลาที่มีเหงื่อ หรือไปเล่นกลางแจ้งเป็นเวลานาน พอกลับบ้านก็จะออกอาการลิงให้เห็น พอเห็นว่ามามิบ่นคัน ก็ต้องรีบหายามาทาทันที แม่แหม่ม ก็ลองใช้มาหลายตัวมาก ทั้งโลชั่น ยาตามใบสั่งแพทย์ จนถึงคาลาไมล์ ก็ได้ผลมาก-น้อยตามตัวยาหรือส่วนผสมที่แรงหรืออ่อนกันไป

แต่พอได้รู้เรื่องตัวยา และผลข้างเคียงที่มากับตัวยา ก็ทำให้ต้องกลับมาดูกันใหม่ เพราะยาทาบางตัวมีสารจำพวกสเตียรอยด์ที่เมื่อใช้ต่อเนื่องนานๆ ก็จะไม่ดีกับเด็กเล็กๆ อย่างมามิ

แม่แหม่มเคยได้ยินเรื่องครีมตัวหนึ่ง ที่มีคนพูดถึงกันมากในบล๊อก และในบอร์ดต่างๆ เป็นครีมชื่อ Atopiclair ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ รักษาผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง หรือผื่นแพ้สัมผัสชนิดรุนแรงน้อยถึงปานกลาง ลดอาการคันได้ดี ที่มีงานวิจัยรับรองผลที่ชัดเจนใช้ได้อย่างปลอดภัยทั้งในทารก เด็ก และผู้ใหญ่ โดยไม่เกิดผลข้างคียงของ สเตียรอยด์และยากดภูมิคุ้มกัน โดยทาที่ผื่นหรือที่คันวันละ 3 เวลา หรือตามที่กุมารแพทย์มักจะเขียนในใบสั่งยา

กับแม่แหม่มก็ได้ข้อมูลที่บอกต่อกันมา ก็เลยอยากลองดูบ้าง ก็เลยพามามิไปโรงพยาบาล แล้วก็ปรึกษากับคุณหมอดูว่า ครีมตัวนี้เป็นยังไงบ้าง คุณหมอก็ให้ข้อมูลมาว่าครีมตัวนี้มีส่วนผสมของ Glycyrrhetinic acid สารสกัดจากรากชะเอม สายพันธ์จากยุโรป มีฤทธิ์ลดการอักเสบและลดคันได้อย่างรวดเร็ว Telmesteine ช่วยปกป้องผิวและลดอาการคัน โดยช่วยยับยั้งเอนไซม์ที่ทำลายผิวและทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ Vitis vinifera เป็นสารสกัดจากเมล็ดองุ่น เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และทำหน้าที่ปกป้องผิว ลดอาการคันโดยยับยั้งการทำลายของเอนไซม์ที่ทำลายผิว Vitamin E และ Vitamin C เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ Sea butter ช่วยบำรุงให้ความชุ่มชื้น ให้กรดไขมันที่จำเป็นแก่ผิว และ Hyaluronic acid ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว และช่วยสมานแผล เช่น รอยเกาต่างๆ


                                                      เนื้อครีมเข้มข้น

คร่าวๆ ก็คือ ครีมตัวนี้ไม่ใช่ยา ทั้งหมดสกัดมาจากสารธรรมชาติ เพราะฉะนั้น น่าจะปลอดภัยสำหรับเด็กเล็ก เด็กโต ที่เหลือก็คือเอามาลองใช้ดู

กับอาการผดผื่น ที่เป็นตุ่มเล็กๆ พอเริ่มทา ก็จะบอกมามิว่าอย่าเกานะ เดี๋ยวจะเลอะมือ มามิก็จะไม่เกา ทิ้งไว้ซักพัก มามิไม่พูดถึงอีก แสดงว่าหายคันจริง (เพราะถ้าไม่หายคัน มามิจะโวยวายทันที) แสดงว่าผ่าน

                                                          

                                                          ก่อนใช้    

                                                            หลังใช้

คราวนี้มาดูว่าจะต้องใช้ต่อเนื่องเท่าไหร่ ก็ต้องสังเกตอาการว่า มามิจะเริ่มกลับมาเกาอีกเมื่อไหร่ ปรากฏว่า ไม่พูดถึงอีกเลย จนอาบน้ำเสร็จ กินข้าวเสร็จ ก็รวมๆ แล้ว 4 ชั่วโมง มามิก็จะเริ่มคันอีก ก็จะทาให้อีกครั้ง คราวนี้ก็ยาวจนถึงเข้านอน ตื่นเช้ามา ก็ไม่บ่น เม็ดผดผื่น ก็ยุบแห้งไปหมด มามิก็ไม่พูดถึงอีก

ภารกิจสำเร็จแล้ว!!

                                           หน้าตาชัดๆ เป็นแบบนี้ค่ะ

แล้วที่ดีใจที่สุดก็คือคนเป็นแม่ ที่รู้สึกว่าโล่งอกทันที เพราะไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจกับการห้ามให้ลูกลิงเกา คราวนี้พอมามิเริ่มเกา ก็จับทาครีม Atopiclair ทันที

ส่วนเรื่องแผลที่เกิดจากการเกา เดี๋ยวแม่แหม่มจะมาเขียนต่ออีก เพราะเป็นอีกเรื่องที่กลุ้มใจไม่แพ้กันค่ะ